|||

Online to Offline

ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าจีนคือผู้นำทางด้านการค้าขายออนไลน์อย่างแท้จริง ด้วย ประชากรจำนวน 1.35 พันล้านคน และมูลค่าตลาดการค้าขายออนไลน์กว่า 20 ล้านล้านบาท ที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่ที่ได้ความร่วมมือสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างกลุ่มบริษัท Alibaba”, Aliexpress”, Taobao”, และ Tmall” ของนาย แจ็ค หม่า” ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศจีนไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยมูลค่าที่สูงกว่าบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังฝั่งสหรัฐอเมริกาอย่าง Amazon” พร้อมการขยายสู่ภูมิภาคด้วยการเปิดให้บริการและการลงทุนในบริษัท Tech Startup” ต่างๆ เพื่อวางกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำทางด้านการค้าขายและการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อไปในระดับภูมิภาคและระดับโลกของทั้งกลุ่ม Alibaba และทางประเทศจีนเอง

ด้วยความเป็นอันดับหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้เอง ที่ทำให้การขยับตัวครั้งล่าสุดของกลุ่มบริษัท Alibabaสร้างความฮือฮาให้กับวงการค้าขาย เมื่อ Alibaba แถงข่าวประกาศการลงทุนในตลาด Online to Offline” อย่างเต็มตัวในปีที่ผ่านมา รวมมูลค่าแล้วกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

จากการรวบรวมผลสำรวจในงาน ecommerceIQ ที่ร่วมจัดโดยบริษัท aCommerce และ Google พบว่าในปัจจุบัน มูลค่าตลาดการซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทยยังอยู่ที่ประมาณ 2-3% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้ว นับว่ายังอยู่ในกลุ่มเริ่มต้นอยู่ ต่างกับประเทศจีนที่เติบโตไปที่ 9% หรือสหรัฐอเมริกาที่โตไปถึง 10-11% แล้ว

33a-ecommerce-percent.png

ที่มาของข้อมูล: งาน ecommerceIQ รวบรวมมาจาก Euromonitor, Planet Retail, eMarketer, iResearch, Technavio, และวิเคราะห์โดย A.T.Kearney

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาจจะถูกเรียกว่ามีอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่พัฒนาแล้ว แต่ตัวเลข 9-12% ก็หมายความว่ามีมูลค่าอีกกว่า 90% ที่ยังเป็นการซื้อขายในโลก ออฟไลน์ หรือหน้าร้านกายภาพอยู่ ซึ่งอาจจะนับเป็นเรื่องแปลก เมื่อเราคำนึงว่าเราใช้เวลาผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนและการใช้งานอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้นจนเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 3-4 ชั่วโมงไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสองตัวเลขนี้ จึงเป็นการบ่งบอกว่าโอกาสที่มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซจะสูงขึ้นนั้นยังมีอยู่มาก รวมไปถึงโอกาสที่ร้านออฟไลน์จะใช้ประโยชน์จากการที่คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น เพื่อดึงจำนวนคนให้มาใช้จ่ายในร้านค้าตัวเองมากขึ้นเช่นกัน

Online to Offline” ในที่นี้ จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ทำให้ร้านค้าปลีกสามารถเข้าถึงตลาดของกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตกันอยู่ในสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าเทคโนโลยีนั้นจะเป็นเครื่องมือการโฆษณาออนไลน์ หรือแม้กระทั่งบริการที่ทำให้ร้านค้าออฟไลน์ สามารถขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั่นเอง

Delivery (Ele.Me)

../../../../../Downloads/temp/Screen%20Shot%202016-07-30%20at%2016.

Ele.Me เป็นหนึ่งในตัวอย่างของบริษัทที่ Alibaba ได้ทำการลงทุนไปด้วยมูลค่าเงินกว่า $1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย Ele.Me เป็นบริษัทส่งอาหารที่ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้และเคยได้รับการลงทุนจากบริษัท Tencent คู่แข่งของ Alibaba ไปแล้วอีกด้วย

ดังนั้น สิ่งที่ Alibaba จะได้จากการลงทุนครั้งนี้คือการเพิ่มความเข็มแข็งในการเป็นผู้ให้บริการการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการวางตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมที่จะซื้อบริษัทนี้ในอนาคตเมื่อมันมีการเติบโตถึงขั้นที่สมควร พร้อมทั้งโอกาสในการร่วมให้บริการกับบริษัทอื่นๆในเครือของ Alibaba อย่าง Koubei ที่ให้บริการโปรโมชันสำหรับร้านอาหารต่างๆที่สนใจเข้าร่วม และ Alipay บริการการรับชำระเงินที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในประเทศจีน

Payments (Alipay)

Alipay นับเป็นเครื่องมือสร้างกำไรสำคัญของ Alibaba ด้วบริการการรับชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ที่นอกจากจะเป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินอันดับหนึ่งในประเทศจีนแล้ว ยังเริ่มขยายมาต่างประเทศอีกแล้วด้วย แม้กระทั่งในประเทศไทยเอง ที่มีให้บริการใน 7-11 แล้ว นับเป็นการอำนวยความสะดวกในคนีนสามารถจ่ายชำระเงินผ่าน Alipay ที่ตนเองคุ้นเคย และสร้างผลประโยชน์ให้กับ Alibaba และประเทศจีน ที่ยังคงมีรายได้แม้คนในประเทศจะท่องเที่ยวอยู่ในต่างประเทศก็ตาม โดยAlipay นั้นมีที่มาจากการเป็นผู้ให้บริการการรับชำระเงินให้กับ Alibaba มาก่อน คล้ายกับที่ PayPal ได้รับการเติบโตจากการเป็นผู้ให้บริการให้กับ eBay ในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นนั่นเอง และจะเห็นว่า บริการ Online to Offline ต่างๆนั้น มี Alipay เป็นผู้เล่นสำคัญในการที่ผู้บริโภคจะชำระเงินล่วงหน้าออนไลน์ หลังใช้บริการแล้วที่หน้าร้านออฟไลน์ หรือผูกบัตรมัดจำไว้ล่วงหน้าแล้วค่อยปล่อยชำระเมื่อได้รับสินค้าและบริการโดยสมบูรณ์แล้วก็ได้เช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน มีข่าวว่า Alipay เตรียมตัวที่จะเข้าตลาดหุ้นในประเทศจีนและฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว โดยได้รับประเมิณมูลค่าไว้ที่ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในประเทศไทยเอง ก็มีการขยับตัวของบริษัท Payment ในมุมของ O2O โดยได้มีการร่วมทุนกระหว่างบริษัท บีเอสเอส โฮลดิ้งส์ จำกัดผู้ให้บริการบัตร แรบบิท” ที่เราคุ้นเคยกันผ่านการใช้งานรถไฟฟ้า BTS กับบริษัท LINE Biz Plus Limited ผู้ให้บิรการ LINE Pay ในสัดส่วน 50:50 โดย LINE Pay จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Rabbit LINE Pay

33c-rabbit-lineypay.jpg

วันที่มีการประกาศร่วมทุน ทางบัตร Rabbit เองได้มีการออกบัตรไปแล้วกว่า 5 ล้านใบ และมีจุดรับบัตรแรบบิทมากกว่า 4,000 จุด ในกรุงเทพและปริมณฑล ในขณะที่ LINE Pay มีผู้ใช้แล้วประมาณ 1.5 ล้านคน โดยมีการชูผลความสำเร็จจากแคมเปญตรุษจีนว่ามีการโอนเงินผ่าน LINE Pay แล้วกว่า 8 ล้านครั้งใน 7 วัน

ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่าการควบรวมของผู้ให้บริการ Payment ออฟไลนืและออนไลน์ครั้งนี้ก็คือ การผนึกกำลังร่วมกับ Kerry Express ผู้ให้บริการการขนส่งพัสดุและการเก็บเงินปลายทางอันดับหนึ่งในประเทศไทย ที่จะเป็นการนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆอย่างเช่น LINE Man ที่เปิดให้บริการส่งสินค้าและอาหารผ่าน LINE กันไปที่เรียบร้อยแล้ว

Online Advertising

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งช่องทาง O2O ที่จะเป็นโอกาสใหญ่สำหรับ Startup ในอนาคต ก็คือช่องทางที่จะทำให้ร้านค้าสามารถใช้เพื่อโฆษณาสินค้าและบริการของตนเองให้กับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ จากผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาโดยสภาหอการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกาที่พบว่า วิธีการโฆษณาแบบ Pay Per Click” หรือ จ่ายเมื่อมีการคลิก” ที่เป็นที่นิยมในโลกออนไลน์เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงและผูกกับผลลัพธ์โดยตรงนั้น กลับไม่สามารถสร้างลูกค้าให้กับธุรกิจออฟไลน์ได้ดี เพราะการคลิกนั้นไม่ตรงกับพฤติกรรมการเห็นแล้วไปที่ร้านของผู้บริโภค และไม่เปิดโอกาสให้ร้านค้าสามารถแสดงโฆษณาได้ซ้ำๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการ “สร้างแบรนด์

เมื่อมองในมุมมองของร้านออฟไลน์แบบนี้ จะพบว่าวงการโฆษณาออนไลน์ได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆไว้น้อยมาก และได้กลายเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาของบริษัทออนไลน์ชั้นนำอย่าง Google และ Facebook ในเวลานี้ในการที่จะหาทางเชื่อมต่อคนที่ดูสินค้าออนไลน์ เข้ากับคนที่เดินเข้ามาซื้อของในร้านอย่างแท้จริง เพื่อสามารถประเมิณผลของการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างถูกต้องอย่างแท้จริง

ร้านค้าออนไลน์ เข้าสู่ออฟไลน์

สุดท้าย อีกหนึ่งพัฒนาการที่น่าสนใจของวงการออนไลน์ ก็คือการที่ร้านค้าที่เริ่มต้นด้วยการเป็นร้านค้าออนไลน์ กลับเริ่มกลับมามีหน้าร้านออฟไลน์แล้ว ด้วยการฝากขายตามห้างสรรพสินค้า การออกตลาดนัด หรือ การเกิดขึ้นของร้าน Multi-brand ยุคใหม่ที่รวบรวมร้านค้าที่มีลักษณะคล้ายๆกันที่มีอยู่ในโลกออนไลน์แต่ยังไม่มีหน้าร้านเป็นของตนเอง อย่างเช่นร้าน CAMP ที่สยามสแควร์ซอย 5 หรือ ร้าน SOS ในซอยถัดไป (หมายเหตุ: ผู้เขียนเป็นหุ้นส่วนของร้าน CAMP)

34d-CAMP.jpg

ในประเทศสหรัฐฯอเมริกาที่มีการให้กำเนิดแบรนด์ที่เติบโตผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ก็ได้มีพฤติกรรมการเปิดหน้าร้านออฟไลน์เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่นร้าน BONOBOS เสื้อผ้าผู้ชายที่เติบโตมาจากการขายเสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีกับร่างกายผู้ชาย Warby Parker ผู้จัดจำหน่ายแว่นตาที่เริ่มต้นด้วยการเป็นร้านออนไลน์เพื่อข้ามผ่านอุปสรรคของการยึดอำนาจของผู้จัดจำหน่ายในโลกออฟไลน์ หรือแม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ที่มีการเปิดหน้าร้านของตนเองในประเทศอินเดีย โดยผู้ค้าขายเหล่านี้ มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็คือจะไม่เน้นการมีสต๊อคหน้าร้าน แต่เปิดร้านไว้ให้คนได้ลองสินค้าและบริการของตนเอง หรือมีช่องทางในการให้บริการหรือคืนสินค้านั่นเอง โดยเมื่อมีการสั่งซื้อ จะสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ในร้านได้ และทำการส่งของให้ภายในวันนั้นหรือวันถัดไปนั่นเอง

–-

เลอทัด ศุภดิลก

กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซลสุกิ จำกัด

กรรมการบริหาร บริษัท ฟลายอิ้ง คอมม่า จำกัด

www.lertad.com

Up next 31 The Future of Apps The Different Types of Conversational Commerce
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging