|||

Business Models vs. Business Plans

ผมเชื่อว่านักธุรกิจทุกคนเคยได้ยินคำว่า แผนธุรกิจ หรือ Business Plan” ไม่ว่าคุณจะจบทางด้านธุรกิจมาหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน ทกคนก็จะพูดว่าธุรกิจควรจะต้องมีแผนธุรกิจ เวลาไปขอเงินกู้หรือนำเสนอบริษัทเราให้กับใคร “แผนธุรกิจ นี้ก็มักจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการนำเสนอว่าบริษัทเรามีอนาคตหรือไม่ และเราเป็นผู้ประกอบการที่เก่งกาจขนาดไหน

แต่ทั้งนี้ หลายๆคนก็ทราบกันดีว่าแม้จะทำแผนธุรกิจมาดีมากเพียงใด แต่ในการปฏิบัติจริงก็มักจะไม่เป็นไปตามแผน อาจเพราะเราไม่ได้มีวินัยพอที่จะคอยปฏิบัติได้ตามสิ่งที่คิดไว้ รูปแบบของแผนธุรกิจไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในการวางแผนงาน หรือในความเป็นจริงแล้ว จะมีปัจจัยภายนอกหรือสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายมากระทบแผนของเราตลอดเวลา ทำให้คลาดเคลื่อน และไม่มีเวลามาคอยนั่งปรับแผนได้ตลอดเวลาจนต้องยอมทิ้งไปในที่สุด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในฐานะคนที่เคยเรียน ทำ ประกวด อ่าน และติดตามผลจากการทำแผนธุรกิจมาหลายสิบฉบับ คงต้องบอกว่าแม้ว่าการทำ แผนธุรกิจ นั้น อาจไม่ได้ถูกนำมาใช้จริงเสมอไป แต่มันเป็นเครื่องมือในการ วางแผน” ให้เราเข้าใจธุรกิจตัวเอง เห็นภาพแนวทางการดำเนินงาน และวางชิ้นส่วนกิจกรรมการผลิต การตลาด การจ้างคนให้เป็นภาพร่างๆได้ดี รวมไปถึงการคำนวณความคุ้มทุนในการทำธุรกิจ หรือทีเรียกว่า การทำ feasibility” ได้ดีอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบของแผนธุรกิจและผลพลอยได้ที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรและผู้ประกอบการนั้นก็คือ การกำหนดและเข้าใจ Business Model” หรือ โมเดลธุรกิจ ของตัวเอง เพราะ “Business Model” นี้จะเป็นตัวที่จะตอบคำถามว่า เราหารายได้อย่างไร และผู้ซื้อเขา “ได้อะไรไปจากเรา

ในโลกของการทำธุรกิจจริง แม้สิ่งที่เราทำอาจจะหลุดไปจากแผนธุรกิจเพียงใด แต่ในส่วนใหญ่แล้ว Business Model” นั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นในฉบับนี้ จึงอยากจะขอขยายความเรื่องความแตกตากของสองสิ่งนี้เพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ

Business Model

ภาษาไทยบางที่แปลคำว่า Business Model” ว่า แบบจำลองธุรกิจ” แต่ผมคิดว่าความหมายที่เหมาะสมน่าจะเป็น โครงสร้างการทำรายได้ของธุรกิจ” หรือเรียกทับศัพท์ไปเลยมากกว่า เนื่องจาก โมเดลธุรกิจ นี้สิ่งที่จะบอกว่าธุรกิจเรา “ทำเงินอย่างไร” โดยจะคำนึงถึงเฉพาะคุณค่าหลักๆที่ลูกค้าของเราต้องการจากเราและยินยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกกับการทำธุรกรรมกับเรา รวมไปถึงวิธีการและค่าใช้จ่ายที่เราใช้กับทาง supplier ของเราหรือคนกับทรัพยากรอื่นๆของเรา เพื่อนำให้มาสู่คุณค่าดังกล่าวนั้นๆ

ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าสะดวกซื้อร้านหนึ่ง สร้างรายได้จากการขายของหลายชิ้น รวมไปถึงให้บริการอื่นๆเช่นการรับจ่ายบิลโทรศัพท์ หรือเป็นที่ส่งของจากการซื้อของออนไลน์ ซึ่งร้านสะดวกซื้อนี้มีพนักงานที่มีความเป็นมิตรสูงและแอร์ที่เย็นฉ่ำ ลูกค้าจึงชื่นชอบที่จะเดินเข้ามาเพื่อรับบรรยากาศผ่อนคลาย สบายตัว และหาซื้ออะไรสดชื่นๆกลับไปเล็กๆน้อยๆ

สำหรับตัวอย่างนี้ เวลาเราพูดถึง โมเดลธุรกิจ เราจะพูดเฉพาะการ “ขายสินค้าที่เราสต็อคไว้ให้กับผู้ซื้อ เพราะมันคือ รายได้หลัก ที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอด แม้จะมีรายได้รายย่อยจกทางอื่น รวมถึงคุณค่าอื่นๆที่ทำให้คนซื้อ แต่มันคือเหตุผลหลักเหตุผลเดียวที่เราควรจะให้ความสำคัญและคอยวัดผล เรพาะมันคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้

ทั้งนี้โมเดลธุรกิจในโลกนี้มีหลายประเภท แล้วแต่เทคนิคการทำธุรกิจเรา อาจจะขึ้นอยู่กับการจัดจำหน่ายสินค้า หรือนวัตกรรมอื่นๆ เช่น การทำธุรกิจแฟรนไชส์ การขายของออนไลน์ ก็เป็นได้ หากใครมีปัญหาในการคิดโมเดลธุรกิจตัวเองออกมาเป็นภาพแล้ว ในปัจจุบัน ได้มีเครื่องมือกในการคิดและวาดโมเดลธุรกิจออกมาชื่อว่า Business Model Canvas ซึ่งมีเป็นทั้งแผนภาพและเนื้อหาให้สามารถอ่านกันได้ออนไลน์ หรือเป็นหนังสือที่สามารถตามหาซื้อกันได้ในร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำความเข้าใจธุรกิจตัวเองและนำมาใช้พูดคุยกับคนภายนอกครับ

Business Plan

แผนธุรกิจเป็นเรื่องของ รายละเอียด ของธุรกิจของเรา โดยจะเป็นการขยายความ “โมเดลธุรกิจ มาเป็นกิจกรรมการตลาด การหาทรัพยากรคน การจัดซื้อ การหาแหล่งเงินทุน การวิเคราะห์คู่แข่ง แผนการเติบโต และแผนดำเนินการอื่นๆในรอบหนึ่งปีถึงสามปีและการวางแผนการเงินและสิเคราะห์การดำเนินการในปัจจุบัน รวมไปถึงการวางเป้าหมายการดำเนินงาน วิสัยทัศน์ และภารกิจขององค์กร หรือพูดง่ายๆก็คือ “Business Model” คือสิ่งที่บ่งบอกว่า เรา หารายได้ ได้อย่างไร ส่วนแผนธุรกิจนั้น เป็นตัวบ่งบอกว่า เราจะ”ทำอะไรบ้าง เพื่อให้ได้มา รักษา และต่อยอดวิธีการหารายได้ที่ว่านั้น

ทั้งนี้ แม้ในหลักการแล้ว เราควรจะเข้าใจ Business Model” ของตัวเองก่อน จึงจะสามารถทำแผนธุรกิจได้ แต่ในหลายๆครั้ง สิ่งที่เรามีในตอนแรกคือ ไอเดีย” ที่เราอาจจะไม่เคยเอามาคำนวณด้วยซ้ำว่าสร้างกำไรได้แค่ไหน การทำแผนธุรกิจและวิเคราะห์กำไรขาดทุนนั้น จึงมักจะทำให้เราเห็นภาพการดำเนินธุรกิจของตนเองและตกผลึกมาเป็น Business Model” ที่แท้จริงอีกทีอยู่เป็นประจำครับ โดยในบางครั้ง อาจพบว่า ไอเดียธุรกิจ ที่เริ่มต้นนั้น อาจเป็นแค่สิ่งที่เรา อยากทำ ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่ไม่ใช่รายได้หลักที่จะทำให้ธุรกิจสามารถไปรอดและยั่งยืนในอนาคตได้

แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเราเข้าใจโมเดลธุรกิจของตนเอง จะเห็นว่า แผนธุรกิจนั้นจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจเป็นหลักทั้งนั้น เพราะแม้แผนธุรกิจจะมีเนื้อหาแน่นปึ้กเพียงใด แต่มันก็คือโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเสาหลักของโมเดลธุรกิจที่เป็นตัวบ่งบอกการไหลเวียนของเงิน แผนธุรกิจสามารถเปลี่ยนได้ทุกวันโดยไม่กระทบโมเดลธุรกิจ แต่หากวันใดโมเดลธุรกิจเปลี่ยน แผนธุรกิจมักจะต้องเปลี่ยนตามอย่างแน่นอน

ในปัจจุบัน ภายใต้กระแสของการเกิดขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า Tech Startups หรือสั้นๆว่า Startup นั้น การทำความเข้าใจ Business Model” ของตนเองนั้นสำคัญมาก เพราะในหลายๆครั้ง คนจะมีอเดียในการสร้างอะไรบางอย่าง โดยไม่ได้มองถึงเรื่องว่าจะหารายได้จากมันได้อย่างไร ซึ่งจะทำให้ธุรกิจไม่สามารถอยู่รอดได้ เพราะคนทำไม่มีเงินหาเลี้ยงชีพ ซึ่งจริงๆไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป แต่คนทำต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันเป็นเหมือนงานศิลปะที่อาจทำให้ตนเองและคนอื่นบางกลุ่มมีความสุขได้ แต่ไม่มากพอที่จะก่อให้เกิดรายได้ และทำให้ยั่งยืน ยังจำเป็นต้องมีงานประจำอยู่

ยกตัวอย่างเช่น Facebook กับ Google คนส่วนใหญ่จะรู้จักมันในฐานะ Social Network กับ Search Engine ที่เราใช้ในการคุยกับเพื่อน แชร์ข้อมูล หรือค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต แต่ Business Model ของสองตัวนี้จริงๆแล้วคือการขายโฆษณา ซึ่งบริษัททั้งสองนี้จะอยู่ไม่ได้เลนหากไม่ยอมทำระบบโฆษณาที่ชาญฉลาดขึ้นมาที่ทำให้ทั้งผู้โฆษณาและผู้ใช้มีความสุขได้ ซึ่งสองบริษัทนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่ หน้าที่หลัก ของสินค้าหรือบริการ อาจไม่ใช่ โมเดลธุรกิจ” เสมอไป และในการทำแผนธุรกิจ หรือแผนพัฒนา จะต้องคอยนึกถึงว่ามันเอื้ออำนวยไปสู่การ “สร้างรายได้ ด้วยวิธีเหล่านั้นได้อย่างไรอีกด้วย

สำหรับท่านผู้อ่านที่ชอบคิดสร้างสิ่งใหม่ แต่คิดเรื่องหารายได้ไม่เก่ง อยากฝากบอกว่าการหาเงินไม่ใช่เรื่องไม่สนุกนะครับ ลองทำความเข้าใจถึง คุณค่า” ของสิ่งที่เราสร้างให้เจอ และตกผลึกมันออกมาเป็น โมเดลธุรกิจ ที่ลงตัว แล้วเราจะสามารถได้ทำในสิ่งที่เรารัก และหาเลี้ยงชีพไปกับมนได้ในระยะยาวครับ

–-

เลอทัด ศุภดิลก

e-mail: lertad@flyingcomma.comwebsite: http://lertad.com

twitter: @lertad

Up next A New Journey การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เป็นจริงนั้น นอกจากไอเดียแล้ว Timing ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน นวัตกรรม Apple ชิ้นสำคัญที่คนมักมองข้าม มีอยู่นวัตกรรมนึงของ Apple ที่คนมักมองข้าม… Apple ประกาศปล่อย OS X เวอร์ชันใหม่ “Mavericks” พร้อมแอพพลิเคชัน iPhoto, iMovie, Garage Band, Pages,
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging