“ลงตรงนี้ก็ได้ครับ” ผมบอกพี่คนขับรถแท๊กซี่พร้อมกับควักเงินออกมาและก้าวลงจากรถ ผมนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปกินข้าวกันที่เซ็นทรัลเวิลด์ จริงๆจะบอกว่าผมนัดเพื่อนไว้ก็คงจะไม่ถูกสักทีเดียว
…“เฮ้ย วันศุกร์หน้ามึงว่างป่าววะ” เสียงเพื่อนผมถามมาทางโทรศัพท์ วันนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ ผมกำลังขับรถกลับบ้าน
“ศุกร์หน้าหรอ เออไม่แน่ใจว่ะ ทำไมหรอ”
“จะนัดเลี้ยงกัน มึงต้องไปให้ได้นะเว่ย”
“อ่าวหรอ ใครไปบ้างอ่ะ”
“เฮ้ย ต้องถามว่าใครไม่ไปบ้างมากกว่า เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูโทรไปใหม่ละกัน” แล้วเพื่อนผมก็วางไป…
สรุปวันนี้พวกเพื่อนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศมันกลับมากันหมดพอดี ถ้าผมไม่ไปก็คงจะไม่ได้ ผมกดเปลี่ยนเพลงในเครื่องเล่นที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง แล้วก็เดินขึ้นสะพานลอยที่จะพาข้ามไปยังฝั่งของตึกเซ็นทรัลเวิลด์
ในระหว่างที่เพลงใหม่จากเครื่องเล่นกำลังดังขึ้นมาในหูฟัง ผมก็ได้ยินเสียงเพลงจากภายนอกที่เปิดจากบริเวณห้างแทรกเข้ามา เป็นเพลงที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและจะเปิดกันในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ผมไม่ชอบเลยที่จะต้องฟังเพลงเดิมๆที่ไม่ได้อยากฟังซ้ำไปซ้ำมา มันเหมือนเป็นสูตรสำเร็จที่จะต้องถูกยัดเยียด”ความสุข” ผ่านบทเพลงเหล่านี้ ผมขยับมือไปเพิ่มระดับเสียงเพลงของตัวเองให้ดังขึ้นอีกเล็กน้อย
จากบนสะพานลอยผมมองเห็นลานข้างหน้าตึกได้มากขึ้น มีต้นคริสมาสต์วางอยู่หลากหลายต้น และแสงไฟจำนวนมากที่ประดับอยู่บนต้นเหล่านั้น
เสียงถอนหายใจหลุดออกมาจากปากผมเล็กน้อย
ผมไม่ถูกกับพวกเทศกาลเสียจริงๆ
…“ขอโทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้มั้ยคะ”
ผมยังจำภาพเหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้วได้ วันนั้นผมแค่กะจะแวะไปหาอะไรกินที่งานของคณะรัฐศาสตร์ เพราะจำได้ว่าปีก่อนมีร้านไข่ปลาหมึกที่อร่อยมากอยู่ร้านนึง แต่ระหว่างที่ยืนรอเธอก็มาสะกิดที่ไหล่ผมเพื่อขอให้ถ่ายรูปให้
“อ๋อ…เอ่อ…ครับ…” เธอยืนโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ถ่ายรูปได้มาให้ผมแล้วก็ไปยืนยิ้มอยู่ที่หน้าต้นไม้ที่มีป้ายที่บ่งบอกชื่องาน
“หนึ่ง…สอง…”
*แชะ*
“ขอบคุณนะคะ” เธอเดินกลับมาหาผมพร้อมกับพงักหัวลงเล็กน้อยเป็นการแสดงความขอบใจ ผมพยักหน้าและยิ้มตอบพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้กับเธอ…
ที่ลานหน้าห้างมีคนรวมตัวอยู่กันมากมาย ต่างคนต่างยิ้มและหัวเราะ พร้อมกับถ่ายรูปร่วมกันกับแสงไฟที่ประดับประดาอยู่บนต้นไม้และหุ่นสัตว์ชนิดต่างๆ ผมพยายามเดินแหวกกลางฝูงชนที่คับคั่ง และมุ่งไปยังประตูทางเข้า
ผมไม่เคยเข้าใจพฤติกรรมของคนเสียเท่าไหร่ กรุงเทพก็ออกจะกว้างใหญ่ แต่ทำไมผู้คนจะต้องถ่อมาเบียดรวมกันในพื้นที่เล็กๆ
ร้อนก็ร้อน วุ่นวายก็วุ่นวาย แถมรูปที่ออกมาก็ไม่สวย รูปของแต่ละคนก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันไปแม้แต่น้อย เป็นรูปยืนยิ้มๆ แล้วก็มีต้นไม้เทศกาลประดับไฟอยู่ข้างหลัง เหมือนกันทุกปี เหมือนกันทุกคน
ผมเดินจนไปถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ตั้งท่าถ่ายรูปกันอยู่ใต้ต้นไม้ เขากำลังขวางทางระหว่างผมกับทางที่ไปยังประตูเข้าห้าง
ผมถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับเพิ่มระดับเสียงเพลงในเครื่องเล่นให้ดังขึ้นไปอีกจนเกือบสุดในขณะที่ต้องยืนรอให้เขาถ่ายรูปกันให้เสร็จ
…เธอยืนมองไปมองมาอยู่ในงาน เหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะไปเดินเที่ยวงานตรงไหนต่อดี ผมแอบคิดสงสัยว่าทำไมถึงได้ต้องมาเดินงานคนเดียว
“สั่งได้เลยนะค้า” ผมสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงแม่ค้าที่ทักขึ้นมาจากข้างหน้าผม ผมหันไปสั่งไข่ปลาหมึกพิเศษหนึ่งถ้วย
แม่ค้าจัดแจงหยิบถ้วยขึ้นมาพร้อมกับตักไข่ปลาหมึกลงไปพร้อมกับน้ำจิ้มทะเลตามที่ขอ ผมจ่ายตังและเดินกลับออกมาในตัวงาน
ผมยืนกินไข่ปลาหมึกอยู่พักหนึ่งพร้อมกับมองซ้ายมองขวา ตอนนี้คนก็เริ่มมากันเต็มพื้นที่งานของคณะแล้ว จริงๆผมควรจะกลับไปที่คณะตัวเองเพื่อกลับไปอ่านหนังสือต่อ…
แต่ผมก็เลือกที่จะยืนอยู่ตรงนั้นต่ออีกพักหนึ่ง
เมื่อคนกลุ่มนั้นถ่ายรูปเสร็จแล้ว ผมเดินต่อไปและเข้าไปยังตัวห้าง ถึงจะยังมีคนเดินพลุกพล่าน แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าข้างนอกพอสมควร
เท่าที่ไล่รายชื่อดูแล้ววันนี้คนน่าจะมากันเยอะมาก ป่านนี้คนคงมาถึงกันครบแล้ว
ถ้าโชคดีเขาคงคุยกันติดพันและผมคงไม่ต้องตอบคำถามทักทายอะไรมากนัก ผมเบื่อการทำอะไรเดิมๆซ้ำๆซากๆ และนั่นก็รวมไปถึงกับคำถามจำเจที่มักจะถามกันตามมารยาท…‘เฮ้ยสบายดีเปล่า’….’มาทำไรเนี่ย’….’ทำงานไรอยู่‘…’ไม่ไปเรียนต่อหรอ’…‘มีแฟนรึยัง’…ผมคิดอยากมีป้ายพกติดตัวเหมือนตัวแพนด้าในการ์ตูนเรื่องรันม่า เพื่อที่เมื่อมีคนถามแล้วผมจะได้หยิบคำตอบออกมาโดยไม่ต้องพูดอะไรมากมาย
ร้านที่นัดกันไว้อยู่ที่ชั้น 7 ผมเดินไปทางลิฟท์แก้วแต่เมื่อเห็นจำนวนคนที่รออยู่ตรงหน้าลิฟท์แล้วจึงเปลี่ยนใจไปทางบันไดเลื่อนแทน
….ผมยืนกินอยู่อย่างนั้นจนเสร็จ แล้วจึงเดินเอาถ้วยไปฝากทิ้งที่ร้านเดิม เมื่อผมหันกลับมาก็เจอเธออีกครั้ง เธอเดินมาต่อคิวร้านไข่ปลาหมึกร้านเดียวกับผม
เธอหันมาเห็นผม
ตาสบตา
แล้วเธอก็ยิ้มให้…
…ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่ ในหัวนั้นพยายามคิดคำถามชวนคุยเต็มไปหมด…‘สวัสดีครับ’…‘มาคนเดียวหรอครับ’…‘ชอบร้านนี้เหมือนกันหรือครับ’…‘ชื่ออะไรหรือครับ’…ผมนึกภาพการสนทนาระหว่างเราต่างๆนาๆ…
ผมยิ้มกลับ พร้อมกับเดินจากไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
มีคนเอามือมาจับไหล่ผม ผมหันกลับไป เจอเพื่อนคนหนึ่งยืนหัวเราะใส่ผมอยู่ข้างหน้า มันกำลังขยับปากเหมือนกำลังพูดอะไรอยู่
ผอมถอดหูฟังออก
“โหย เดินไม่สนใจใครเลยนะมึง”
“เออโทษทีว่ะ ไม่ได้ยิน”
“มาทำไรวะเนี่ย”
ผมนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนคนนี้อยู่คนละกลุ่มกับพวกที่กำลังจะไปหา
“เออ ไปกินข้าวว่ะ”
“แหม ไปกินกับแฟนหรอ”
ผมพยายามเก็บอาการถอนหายใจอีกครั้งไว้ในใจ ก่อนที่จะส่ายหน้าและยิ้มเล็กน้อย “เปล่าๆ ไปกับเพื่อน”
“อีกละ ตลอดอ่ะมึงเนี่ย” เพื่อนผมทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อ ผมไม่ได้คิดอะไรและก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นอาการปกติของทุกคนที่ทักผมแบบนี้ และผมก็ไม่ได้แคร์ว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่เชื่ออยู่แล้ว
“เออเฮ้ย” เพื่อนผมพูดต่อ “มึงช่วยถ่ายรูปกูให้หน่อยเดะ”
มันคงเห็นผมทำหน้างง เลยหันไปข้างหลัง ผมจึงพึ่งสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนของผม มือหนึ่งถือช่อกุหลาบช่อใหญ่ อีกมือถือโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ถ่ายรูปได้
หัวใจผมหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ
.
.
.
.
.
.
“สวัสดีค่ะ”
“อ่อ…เอ่อ…สวัสดีครับ”
ใจหนึ่งผมก็คิดว่ามันจะบังเอิญไปหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งผมก็มั่นใจว่าผมไม่มีทางที่จะจำผิดได้
เธอยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผม และเดินกลับไปหาเพื่อนผมที่รออยู่หน้าต้นไม้คริสมาสต์ต้นใหญ่กลางห้าง เพื่อนผมยกแขนของตัวเองขึ้นมาโอบแฟนอย่างอบอุ่น
ผมหยิบโทรศัพท์ที่ถูกปรับให้อยู่ในโหมดการถ่ายรูปขึ้นมา และเล็งไปที่เขาทั้งสอง
“หนึ่ง…สอง…”
*แชะ*
.
.
…ภาพยนตร์ที่ฉายในช่วงเทศกาล มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่มักจะเกิดขึ้นกับชีวิตคนเราแต่ละคน ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ หรือเป็นเรื่องที่ฟ้าลิขิตมาให้นั้น มันก็มักจะเป็นเรื่องที่สร้างความสุขให้กับตัวละครในเรื่องอยู่เสมอ
ทุกวันนี้ผมคิดอยู่เสมอว่า ไม่ว่ามันจะเป็นเรืองบังเอิญหรือตั้งใจ มันคงไม่สำคัญ เพราะความจริงก็คือมันเป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว และคงไม่มีอะไรที่เราจะกลับไปแก้ไขได้
ช่วงเทศกาลนี้ เป็นอีกปีที่รอบตัวผมมีแต่ผู้คนที่มากมาย
ต่างคนต่างมีความสุขที่ได้เจอกัน
ได้อยู่ด้วยกัน
ได้พูดคุยกัน
ได้ยิ้มให้กัน…
.
.
ในรูปถ่าย นอกจากจะมีมีเพื่อนผมยืนกอดเธออยู่หน้าต้นคริสมาสต์ในห้างแล้ว ระหว่างทั้งสองคนมีช่อกุหลาบที่เพื่อนผมพึ่งให้เธอ
เพื่อนผมบอกว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบสองปีที่เพื่อนผมกับแฟนเขาได้เจอกัน
ผมลองนึกนับวันย้อนกลับไปสองปี….
ภายในช่วงเวลาไม่กี่นาที หัวใจผมได้หยุดเต้นไปถึงสองครั้ง
.
.
.
.
.
.
ผมยิ้มให้เขาทั้งสองคน พร้อมกับร่ำลาตามมารยาทและเดินต่อไป
ผมถอนหายใจครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้ง
ผมคงจะไม่ถูกกับพวกเทศกาลเสียจริงๆ…