|||

Trending Buzzwords 2012

ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเข้าไปอ่านบทความของทางบริษัท Gartner ซึ่งเป็นบริษัท IT Consulting ชื่อดังระดับโลก โดยเป็นบทความที่ถูกเขียนในเชิงสนุกสนานเกี่ยวกับ buzzwords หรือ business jargon ที่เขาเห็นว่าเริ่มฮิตและได้รับความนิยมในปีนี้ ซึ่งด้วยความที่เนื้อหาประเภทนี้เกี่ยวข้องกับคอลัมน์นี้โดยตรงอยู่แล้ว ผมจึงอยากหยิบคำที่ตัวผมเองก็ได้ยินเล็ดลอดออกมาอยู่บ่อยๆมาแปลและวิเคราะห์กันในที่นี้นะครับ

at the end of the day… - จริงๆปกติแล้วผมจะไม่ค่อยหยิบวลีที่เป็นเชิงภาษามากกว่าเชิงธุรกิจมาเขียน แต่เนื่องด้วยประโยคนี้มีคนเคยถามผมเข้ามาเยอะเหมือนกัน พอมาเจอในคอลัมน์ของ Gartner เลยถือโอกาสหยิบเข้ามาอธิบายต่อ โดยประโยค at the end of the day” นี้แปลว่า “โดยสรุปแล้ว นั่นเอง ความหมายจะเป็นในเชิงว่า ในแต่ละสิ่งที่เราต้องทำในบริษัทนี้แล้ว สุดท้ายแล้ว ผลที่ได้รับ หรือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญจริงๆคืออะไร คล้ายๆกับที่ผ่านมาที่คนชอบใช้คำว่า “the bottom line” เป็นการหมายถึงผลกำไรขั้นสุดท้าย

ทั้งนี้ ประโยคนี้มักจะถูกใช้เมื่อมีการพูดคุยหรือประชุมกันมาระดับหนึ่งแล้วจนเหมือนมีหลายเรื่องหลายประเด็นที่ตีกัน คนที่คุมประชุมหรือผู้นำจึงอาจจะแทรกขึ้นมาว่า at the end of the day…what we have to do is sell more products” เพื่อเป็นการรุปและเรียกสมาธิกลับมาที่ประเด็นสำคัญ

ideate - ideate นี้เดาไม่ยากครับ เป็นการแผลงศัพท์ เอาคำนามมาเป็นคำกริยา จาก idea” กลายมาเป็น ideate” จนกลายเป็นการใช้ทียอมรับกัน หมายถึงการออกไอเดีย ออกความเห็น โดยเน้นในเรื่องของการระดมความคิดเห็น หรือการทำ brainstorming” ในทีม จึงมักจะถูกใช้เมื่อคนพูดต้องการจะบอกว่า เราต้องคิดเรื่องนี้กันมากกว่านี้อีกนะ นั่นเอง

see what sticks - คำว่า see what sticks” นี้ต่อยอดมาจาก ideate” คือบางทีเรามีแนวความคิด ไอเดีย หรือเครื่องมือทางการตลาดที่เยอะ และเราอาจไม่สามารถสรุปได้ว่าวิธีใดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด อาจเพราะทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีข้อมูลตัวอย่างให้อ้างอิง การ see what sticks” นี้จึงหมายถึงการทดลองให้ครบทุกอย่างแล้วดูว่าวิธีไหน ใช้งานได้ ดีที่สุด เปรียบเสมือนการโยนก้อนอะไรบางอย่างใส่กำแพง แล้วดูว่าก้อนไหนยังติดอยู่ที่กำแพงบ้าง แล้วอันไหนตกออกไป ไม่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งผมคิดว่าคำนี้อาจจะมาจากหนังสือการตลาดที่ฮิตที่ชื่อว่า “Made to Stick” ที่เป็นการพูดถึงแคมเปญการตลาดที่ stick” หรือ ติด” อยู่ในหัวของผู้บริโภคครับ

take it offline - ฟังผิวเผินแล้ว คำว่า take it offline” อาจจะหมายถึงว่าให้คุยกันในชีวิตจริงแทนที่จะผ่านแชทหรือวิธีการณ์ online ต่างๆในอินเตอร์เน็ท ซึ่งคำนี้ก็คงจะมีที่มาที่ไปแบบนี้จริงๆ แต่ในปัจจุบันคำนี้มักจะเป็นการสื่อว่า ให้เอาเรื่องนี้ไป “คุยกันทีหลัง โดยมักจะใช้ในที่ประชุม เวลามีประเด็นหรือเรื่องคุยที่มีบางฝ่ายต้องตกลงเจรจากันต่ออย่างละเอียดและยาวนาน แต่ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญที่ฝ่ายๆอื่นๆในที่ประชุมจะต้องรับรู้หรือคิดด้วย หัวหน้าที่ประชุมจึงอาจบอกให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องนี้ไป take it offline” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของฝ่ายอื่นๆในที่ประชุม

ping - ping” นี้ก็เป็นศัพท์ slang อีกหนึ่งคำที่มีที่มาจากโลกคอมพิวเตอร์ โดยการ ping ในทางเทคนิกทางด้านคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ทนั้น เป็นการยิงสัญญาณไปที่เซิฟเวอร์หรือเว็บไซท์เพื่อตรวจสอบความเร็วว่า สัญญาณนั้นใช้เวลาในการเดินทางไปยังจุดหมายและย้อนกลับมาเมื่อไหร่ โดยในโลกทั่วไปที่ฮิตใช้กันในัจจุจับันนี้ คำว่า ping” มักจะหมายถึง การติดต่อ อาจผ่านทาง e-mail หรือ sms เช่น I’ll ping you later” ดังนั้นหากท่านได้ยินใครพูด ไม่ต้องตกใจว่าเป็น app หรือเว็บไซท์อะไรใหม่ๆที่เราไม่ได้ใช้ครับ

black swan - ก่อนที่จะมีภาพยนตร์รางวัลออสการ์ Black Swan ที่นำแสดงโดย Natalie Portman นั้น คำว่า black swan” นั้นเป็นแนวคิดสำคัญอันเกิดมาจากหนังสือที่ชื่อ Black Swan” ที่ถูกเขียนโดย Nassim Nicholas Taleb โดยเป็นการยกทฤษฎีและพิสูจน์แนวความคิดว่ามนุษย์เราชอบพยายามคาดการณ์และจัดการความเสี่ยง (manage risk) ทั้งๆที่อดีตได้พิสูจน์แล้วว่ามักจะมีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นจนทำให้แผนที่วางไว้เสียอยู่เสมอ แต่มนุษย์เราก็ยังมักที่จะมองย้อนกลับไปที่เหตุการณ์เหล่านั้นและหาคำอธิบายต้นเหตุของการเกิดที่ง่ายเกินความเป็นจริง เพื่อบอกตัวเองว่าจริงๆแล้วเรายังสามารถคาดการณ์อนาคตได้อยู่ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ได้ถูกเรียกว่า “black swan event”

Black swan event” นี้จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยแต่กลับส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์มนุษย์มากกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆในชีวิตประจำวัน เช่น การเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ท และการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์ อันอยู่นอกเหนือจินตนาการของมนุษย์ส่วนใหญ่ แต่ได้ปฏิวัติวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกๆด้าน รวมไปถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 เหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา และเหตุการณ์ sub-prime crisis ในตลาดหุ้น ที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าจะเกิด แต่ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและระบบเศรษฐกินเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ เหตุผลที่ใช้คำว่า black swan” หรือ ห่านดำ นั้น เพราะว่าเมื่อก่อนนี้ คนในโลกไม่เคยทราบว่าห่านมีสีอื่นนอกจากสีขาว จนกระทั่งอยู่ดีๆก็มีคนไปเจอมันเข้าในประเทศออสเตรเลีย จนต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ จากที่เมื่อก่อนเวลาพูดถึงห่านจะเรียกแค่ว่า ห่าน หรือ swan” แต่ในปัจจุบัน อาจต้องอธิบายด้วยว่าเป็น white swan” หรือ black swan” เปรียบเสมือนเหตุการณ์ที่อยู่ดีๆก็เกิด และทำให้โลกเปลี่ยนไปตลอดการณ์

new normal - คำว่า new normal” นั้นเป็นความต้องการที่จะสื่อว่า สภาพการณ์ในปัจจุบันหรืออนาคตอันใกล้นี้นี่แหละ เป็นสิ่งที่จะเป็นสภาพการณ์ที่อยู่กับเราไปอีกนาน เราจึงควรจะอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่คาดการณ์หรือรอให้ทุกอย่างกลับไปเป็น เหมือนเดิม” หรือสิ่งที่เราเคยชิน ซึ่งผมคิดว่าคำนี้ได้เริ่มฮิตขึ้นเนื่องจากวิกฤติการณ์สภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งในตลาดโลกอันเกิดจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปในหลายปีที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนไป องค์กรและธุรกิจจึงไม่สามารถที่จะคิดว่าสภาพเศรษฐกิจหรือองค์กรจะสามารถกลับไปอยู่ในสภาวะที่รุ่งเรืองได้เหมือนในอดีตก่อนวิกฤติการณ์เศรษฐกิจได้อีกในเร็ววัน

leverage - คำว่า leverage” นั้นแปลตรงๆคงจะแปลว่าการ ใช้ให้เป็นประโยชน์​ หรือ ใช้งาน” โดยอาจพูดถึงสินทรัพย์ หรือทรัพยากรตัวใดตัวนึงว่า เราจะสามารถ ใช้มันได้อย่างไร (how can we leverage this?) โดยคำนี้น่าจะเริ่มฮิตเพราะว่ามีที่มาที่ไปมาจากตลาดหุ้น ซึ่งการ “over-leverage” นี้เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นล้มอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีก่อนนั่นเอง โดยคำว่า leverage” ในตลาดหุ้นนั้น หมายถึงแนวความคิดการบริหารเงินก้อนหนึ่งโดยใช้เครื่องมือทางการเงินในตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุดและกระจายความเสี่ยงเยอะที่สุด

leverage ในตลาดเงินทุนนี้สามารถยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้อย่างคร่าวๆคือ ในชีวิตปกติ หากเรามีเงินหนึ่งร้อยบาท เราสามารถให้เพื่อนกู้ยืมโดยคิดอัตราดอกเบี้ย 7% ดังนั้น เมื่อเพื่อนเราคืนเงิน เราก็จะได้คืน 107 บาท แต่หากเพื่อนคนนั้นนำเงินไปลงทุนต่อแล้วเจ๊ง เราก็จะไม่ได้เงินคืนเลย แต่ว่าในตลาดการเงินนั้น เราสามารถ leverage” เงิน 100 บาทนี้ได้โดยหั่นเป็นเงินหลายๆก้อน เช่น 10 ก้อน ก้อนละ 10 บาท แล้วทำการกู้ยืมหรือระดมทุนจากคนอื่นๆในตลาดในอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะต่ำกว่า 7% จนแต่ละก้อนนั้นกลายเป็นก้อนละ 100 บาท ประกอบด้วยเงินจากคนหลายๆคน แล้วเราก็นำเงินแต่ละก้อนนั้นไปให้คนอื่นกู้ยืมต่ออีกทีในอัตรา 7% ซึ่งหมายความว่า เราลงทุนเท่าเดิม แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า และมีโอกาสได้เงินคืนเยอะกว่านั่นเอง

ทั้งนี้ หากท่านสนใจเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดเงินทุน และเครื่องมือทางการเงินที่พูดถึงเวลาพูดถึงการ leverage” นี้ ผมแนะนำให้ search ใน YouTube โดยหาวิดีโอที่ชื่อว่า The Credit Crisis Visualised” ซึ่งได้อธิบายเหตุการณ์ที่ซับซ้อนไว้ได้อย่างดีครับ

สิ่งที่ผมมักจะพูดในคอลัมน์นี้อยู่เป็นประจำก็คือ Buzzwords” หรือ Business jargons” นั้นมักจะเป็นสิ่งบ่งบอกกระแสหรือเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการธุรกิจหรือการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่ง สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุได้จากคำศัพท์ชุดนี้มีอยู่สามข้อใหญ่ๆ คือ

ภาคธุรกิจได้ให้ความสำคัญกับการคิดค้นหา innovation และการออกความคิดเห็นของพนักงานสูงขึ้นเป็นอย่างมาก (ideate, see what sticks)

เทคโนโลยี สื่อ และอุปรกรณ์ดิจิตอลอิเล็กทรอนิคส์นั้นได้เป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานของคนในสังคมและภาคธุรกิจอย่างแท้จริง (take it offline, ping)

ท่ามกลางกระแสของการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเพื่อใช้ในธุรกิจอย่างท่วมท้นอันเกิดจากการเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารที่ก้าวหน้าขึ้นเป็นเท่าตัวอยู่ทุกปี วงการการ predict” หรือ คาดเดา” เทรนด์หรือความเปลี่ยนแปลงในอนาคตนั้นได้เริ่มมีการยอมรับว่าสุดท้ายแล้ว บางที “ความไม่แน่นอน นั่นแหละ คือ สิ่งที่แน่นอน (black swan, new normal)

ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจมองได้ว่า ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีดิจิตอลอย่างคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่ได้ครอบงำชีวิตเราไปอย่างสมบูรณ์แล้วนั้น สังคมและภาคธุรกิจเรากลับใช้มันเป็นประโยชน์ในการให้ความสำคัญกับการคิดสร้างสรรค์ของสมองมนุษย์มากขึ้น รวมไปถึงกับการเรียนรู้ที่จะต้องไม่วางใจกับเทคโนโลยีมากเกินพอดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเรากำลังเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่โตอย่างรวดเร็วนี้ได้อย่างมีประโยชน์มากขึ้น เสมือนกับที่เทคโนโลยีรถยนตร์ รถไฟ และเครื่องพิมพ์ และเทคโนโลยีอื่นๆอีกมากมายได้เคยปฏิวัติโลกเรามาแล้วในอดีตจนเราเลิกเรียกมันว่าเป็นโทคโนโลยีไปแล้วนั่นเอง

Reference: http://blogs.gartner.com/matthew-davis/2012/03/08/2012-forecast-for-corporate-buzzwords-and-phrases/

เลอทัด ศุภดิลก

twitter: @lertad

e-mail: lertad@flyingcomma.com

–-

Up next "holidays"... (เรื่องสั้น เทศกาล) “ลงตรงนี้ก็ได้ครับ” ผมบอกพี่คนขับรถแท๊กซี่พร้อมกับควักเงินออกมาและก้าวลงจากรถ ผมนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปกินข้าวกันที่เซ็นทรัลเวิลด์ iphone 5: ข้อสังเกตุและบทเรียนจากความเปลี่ยนแปลง Apple ได้ทำการประกาศ iPhone 5 และ iPod generation ใหม่ในวันที่ 12 กันยาที่ผ่านมา นับเป็น iPhone รุ่นแรกที่เปิดตัวหลังหมดยุคของ Steve Jobs ไปแล้ว
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging