|||

10 คุณสมบัติที่จะบ่งบอกว่าคุณทำ Startup ไม่ได้ (Part II)

เมื่อโลกเราถูกล้อมรอบด้วยอุปกรณ์ดิจิตอลที่ต่างคนต่างทำงานและสื่อสารผ่านเครื่องมือต่างๆบนอินเทอร์เน็ต ผู้คนรอบตัวต่างเล่น LINE, Facebook, Instagram ตั้งแต่เพื่อนยังคุณพ่อคุณแม่ พร้อมกับกระแสสื่อโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่สร้างความเป็นฮีโร่ให้กับนักธุรกิจยุคใหม่ที่สร้างซอฟท์แวร์ให้คนใช้กันทั่วโลกแล้วอย่าง “The Social Network” หรือภาพยนตร์และหนังสือเกี่ยวกับ Steve Jobs อีกหลายเรื่องนั้น จึงไม่แปลกที่กระแสคนอยากเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยี หรือ Tech Startup” นั้นจะมาแรงในปัจจุบัน

แต่แน่นอน เช่นเดียวกับการที่เวลาคนรุ่นใหม่บอกว่าตนเองอยากเป็น เจ้าของธุรกิจ” นั้นแท้จริงแล้วมักจะหมายถึงว่าคนๆนั้นยัง ไม่รู้จะทำอะไร กับชีวิตแล้ว คนที่อยากเป็น Tech Entrepreneur ทำ Tech Startup นั้นก็มักจะไม่เข้าใจว่าการสร้างธุรกิจซื้อมาขายไปว่ายากแล้ว การสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยียิ่งยากกว่า

ในครั้งนี้ ผมจะมาขอต่อเรื่อง 10 คุณสมบัติที่บ่งบอกว่าคุณไม่ควรที่จะทำ Startup ในข้อที่เหลือ ที่ดัดแปลงมาจาก 10 Signs You’re Not Cut Out to Be an Entrepreneur” โดย Stephannie Vozza ในเว็บไซท์ Entrepreneur.com (http://www.entrepreneur.com/article/230471) นะครับ โดยข้อที่เหลือ ผมขออนุญาติทำการรวบรวมบางข้อที่มีลักษณะคล้ายกันเข้าด้วยกันครับ

4&5. คุณไม่เชื่อในการตลาด และคุณกลัวการขึ้นเวทีเพื่อพูดต่อหน้าผู้คน. (You don’t believe in marketing . You get stage fright.)

สองเรื่องนี้ผมขอจับคู่กัน เพราะเป็นเรื่องที่พวกสายวิทย์สายเทคโนโลยีมักจะไม่ถนัด และไม่ชอบที่จะพยายามพัฒนาตนเองในด้านนี้ทั้งคู่ครับ

ทักษะสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการคือการขายครับ ผู้ประกอบการทุกคนจะต้องขายของให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนถนัดสายเทคนิกอย่างนักประดิษฐ์หรือนักเขียนโปรแกรมมักไม่ชอบที่จะยอมรับ มองว่าตัวเองสร้างผลิตภัณฑ์มาเจ๋งขนาดนี้แล้ว ทำไมคนจะไม่ใช้

และเมื่อเข้าสู่วงการ Startup คุณก็จะค้นพบว่าคุณจะต้องทำการ Pitch” บริษัทของคุณอยู่ตลอดเวลา ว่ามันตอบโจทย์อะไรในโลกนี้ โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการนักลงทุนเข้ามาสนับสนุนให้คุณสามารถโตได้ไวขึ้น คุณก็จะต้องทำการ Pitch” ขอทุน ซึ่งบุคลิกและการแสดงออกถึงความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันมีความสำคัญไม่แพ้หรือมากกว่าเนื้อหาที่คุณเสนอเสียด้วยซ้ำ

นอกจากนั้นความสามารถในการพูดยังส่งผลต่อความสามารถในการดึงให้คนสนใจมาร่วมงานกับเราอีกด้วย

การพูดบนเวที (public speaking) คือการขาย ตอนนี้วงการ Startup มีปัญหาที่คนเก่งเทคโนโลยีไม่ชอบฝั่งธุรกิจ และคนเก่งธุรกิจไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี สำหรับคนเก่งเทคโนโลยี ต้องอย่าลืมว่า Product” ที่ประสบความสำเร็จนั้น ต้องดีทั้ง Tech” และ Marketing” ครับ

ธุรกิจเทคโนโลยีนั้นล้วนแล้วมักจะเป็นสินค้าหรือบริการที่เข้าไปเปลี่ยนพฤติกรรมอะไรบางอย่างของกลุ่มเป้าหมายเรา ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นต่อให้คุณสร้างสินค้าที่มีประโยชน์อย่างไร คุณก็ต้องก้าวผ่านอุปสรรคของการ กลัวการเปลี่ยนแปลง ให้ได้ก่อนครับ

หากต้นไม้ที่สวยงามที่สุดในโลกผุดขึ้นมากลางป่า แต่ไม่มีใครเห็น มันก็ไม่มีคุณค่าอะไร เช่นเดียวกัน หากคุณอยากให้ของที่คุณสร้างมีคนใช้ คุณก็ต้องทำการตลาด เพราะการตลาดคือการสื่อสารคุณค่าให้คนสนใจยอมที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง

6&7. คุณคิดว่าความซับซ้อนนั้นมันเท่ แต่ คุณไม่สามารถอธิบายวิธีการผูกเชือกรองเท้าได้ (You think complexity is cool…but you can’t explain the steps of shoe tying.)

เคยสังเกตุมั้ยครับ ว่าเวลาค้นหาอะไรใน Google เราไม่ต้องบอกก่อนว่าเราต้องการค้นหาสถานที่ หรือบุคคล เพียงแค่พิมพ์ไปมันก็จะค้นหาทั้งหมดให้เงอ พร้อมกับเดาว่าเราน่าจะตามหาอะไร

แต่หากคนที่ชอบอะไรซับซ้อนเป็นผู้ออกแบบแล้ว อาจจะดันไปสร้าง drop-down menu ให้คนกรองก่อน ว่าต้องการภาษาอะไร มีการอัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อไหร่ เป็นต้น ซึ่งทำทำมา กว่าคนจะทำการค้นหาได้ เลิกใช้ก่อนกันพอดี

การที่ Google เขาออกแบบมาแบบนี้ได้และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนมันนั้น เป็นเพราะ Google “เข้าใจตัวเอง” และ เข้าใจผู้ใช้ ดี ว่าสิ่งที่คนต้องการคืออะไร ทั้งๆที่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสามารถในการค้นหานั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากเกินกว่าคนทั่วไปจะทำความเข้าใจได้ด้วยซ้ำ และจะเห็นได้ว่า หลายๆครั้ง บริการอะไรที่ยิ่ง Simple” หรือใช้ง่าย เบื้องหลังจะยิ่งต้องทำงานเยอะ

ซึ่ง ความเข้าใจ ในตนเองนั้นนำมาสู่เรื่องของการอธิบายว่า Startup ของคุณนั้นทำงานอย่างไร และตอบโจทย์อะไร ซึ่งเป็นอุปสรรคของผู้ก่อตั้ง Startup ส่วนใหญ่ เพราะผู้ก่อตั้งจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมาก ว่า Startup ของเราจะสามารถเป็นอะไรได้บ้างในอนาคต ปัจจุบันเราเป็นแค่นี้ แต่อนาคตเราทำอย่างนี้ก็ได้ ทำอย่างนู้นก็ได้ จนเวลาเล่าที่เรามีสิ่งที่อยากจะพูดเต็มไปหมด โดยลืมสนใจไปเลยว่าคนที่ฟังเขางงขนาดไหนกับสิ่งที่คุณพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง

เรื่องนี้กลับไปสู่เรื่องของการขายของครับ ถ้าเราเข้าใจว่าข้อดีของเราคืออะไร และทำงานอย่างไร เราจะต้องสามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ซึ่งเรื่องนี้ในบทความดั้งเดิมได้เปรียบเทียบไว้อย่างน่ารักด้วยตัวอย่างของการผูกเชือกรองเท้า เพราะการผูกเชือกรองเท้าจริงๆเป็นเรื่องซับซ้อน แต่เราทำมันอยู่ทุกวันจนรู้สึกเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อวันที่คุณต้องอธิบายเป็นคำพูดให้คนอื่นว่าทำอย่างไร คุณมั่นใจแค่ไหนว่าคุณจะสามารถเล่าสิ่งที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ไปได้

และที่เฉียบคมไปกว่านั้น คือ หากคุณสามารถอธิบายได้ว่าการผูกเชือกรองเท้าทำอย่างไร ก็จะเห็นว่ามันเป็นขั้นเป็นตอนที่ชัดเจน เช่นเดียวกัน หากคุณสามารถอธิบายได้ว่าบริษัทคุณทำงานอย่างไร คุณก็จะเห็นขั้นตอนการทำงาน และสามารถแบ่งงานให้คนอื่นมาช่วยไปได้ เพื่อเพิ่มเวลาให้คุณไปขายของต่อเนื่องได้ครับ

คนหลายคน ยิ่งฉลาดแล้วจะยิ่งสนุกกับความซับซ้อน ยิ่งทำสินค้า ยิ่งชอบสร้าง feature” หรือ “ความสามารถ ใหม่ๆอยู่ตลอดเพื่อเพิ่มพลังให้กับมัน คนกลุ่มนี้มักจะมีความสุขกับการพยายามแกะหาคำตอบของอะไรยากๆ แต่ความจริงนั้น มนุษย์ต้องการอะไรที่”ใช้ง่าย” เพราะชีวิตเขามีหลายอย่างเหลือเกินที่จะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

A confused mind always says no.”

8&9 คุณเหนื่อยง่าย และไม่ชอบความไม่แน่นอนทางอารมณ์ (You’re easily winded. You hate roller coasters.)

การเริ่มต้นธุรกิจนั้นมันก็เหมือนการวิ่งมาราธอน คือตอนแรกก็มีแรงฮึด มีความสนุกของการเริ่มต้น แต่พอวิ่งไปสักพัก ร่างกายก็จะเหนื่อย ล้า และไม่สนุก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ปลายทางจะมาหา และเส้นทางระหว่างทางก็ขรุขระเหลือเกิน แต่เมื่อพอเริ่มเห็นปลายทางแล้ว แรงก็จะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับแรงฮึดที่เห็นรางวัลอยู่ต่อหน้า

ดังนั้น หากการทำ Startup เหมือนมาราธอน คนที่ไม่ค่อยมีแรงทั้งกายและใจที่จะผลักดันตนเองในช่วง กลาง ของการวิ่งนั้น ก็จะเป็นผู้ที่ไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ เพราะคุณไม่สามารถนำพาธุรกิจตนเองไปจนถึงจุดจบของมันได้สำเร็จ

โดยนอกจากจะส่งผลกระทบทางกายแล้ว ยังมีผลกระทบทางอารมณ์

โลกของ Tech Startup มันทั้งสนุกและโหดร้ายตรงที่เราได้รับข้อมูลการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราสามารถดีใจกับผลงานตอนเช้า พร้อมโศกเศร้ากับการตกลงในตอนบ่ายได้อย่างทันที รวมไปถึงการที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้วินาทีนึงเรากำลังฉลองผู้ใช้คนแรก วินาทีถัดมาเซิฟเวอร์ก็อาจจะล่มก็ได้ เรียกได้ว่าเหมือนรถไฟเหาะที่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง และจะเป็นในเวลาห่างจากกันไม่นาน เราจึงต้องหัดเรียนรู้ที่จะมองทุกความผิดพลาดเป็นการเรียนรู้ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อไปในอนาคต

You need to be prepared to hang on and enjoy the ride.”

10. คุณเป็นคนเลี่ยงปัญหา (You’re a problem passer.)

ในฐานะผู้ก่อตั้ง คุณจะเป็นคนที่จะต้องตัดสินใจทุกยอ่าง ตั้งแต่การออกแบบหน้าตาโปรแกรม เทคโนโลยีที่ใช้ รวมไปถึงคนในทีมทะเลาะกัน หรือกาแฟของออฟฟิศหมดและไม่มีเติม

ผมมักพูดเสมอว่าคนเรามีสองประเภท ประเภทแรกเวลาเห็นขยะก็จะบ่นว่ามันสกปรก แต่ประเภทที่สองพอเห็นขยะ ก็จะเดินไปเก็บ

คนที่จะทำ Startup สำเร็จได้ เวลาเห็นปัญหาจะต้องรีบเข้าไปหาทางแก้ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบอย่างเรื่องความสัมพันธ์ของคน เพราะหากเราปล่อยไป มันจะมีโอกาสสูงที่มันจะบานปลายจนเป็นระดับที่ไม่สามารถตามแก้ได้ในภายหลังอย่างแน่นอน

If you’re unwilling to handle something immediately, it will not go away. It will grow bigger.”

ผมดีใจที่วงการ Tech Startup” ได้รับความสนใจ แต่ผมก็อยากให้คนที่สนใจจะก้าวเข้ามายอมรับสภาพด้วย ว่าตนเองเหมาะมั้ยที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เพราะหากไม่เหมาะ แต่สนใจวงการนี้ ก็สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมอื่นก็ได้

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นผู้ก่อตั้งได้ แต่เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำงานได้ ซึ่งผู้ก่อตั้ง มักเป็นพวกรู้เยอะแต่ไม่รู้ลึก ซึ่งคนที่จะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน จะต้องอาศัยทักษะรู้ลึกเป็นสำคัญ

ความสุขของคนคือการได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำให้ตนเองได้ คือการ “ทำความรู้จักตนเอง

แต่หากลองอ่านประเมิณดูแล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่จะเจอนั้นน่าสนุก… ยินดีด้วยครับ คุณอาจจะทำ Startup ได้ก็เป็นได้

แล้วเจอกันครับ :)

–-

เลอทัด ศุภดิลก

e-mail: lertad@sellsuki.com

website: http://lertad.com

twitter: @lertad

Up next Sellsuki ในหนังสือพิมพ์ PostToday ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ PostToday ที่ให้โอกาสเขียนถึง Sellsuki เซลสึกิ - ขายของบนเฟสบุ๊ค ครับ (อ่าน web version: http://bit.ly/NzfJ6G) …ใครที่ยังขายใน Sellsuki เปิดตัวระบบรองรับ hi5! บางทีต่อให้ไอเดียดี ความสามารถได้ แต่ timing ผิด ก็ทำให้โปรเจกต์ไปไม่รอด… หลังจากทดลองตลาด Facebook มานาน
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging