|||

Cost Per Acquisition vs. Lifetime Value

ศัพท์การตบาดที่เกี่ยวข้องกับการหาลูกค้านั้นมีมากมาย แต่วันนี้อยากจะขอนำเสนอตัวที่เรียกได้ว่าฮอตฮิตที่สุด คือ Cost Per Acquisition” หรือ “ต้นทุนในการสร้างลูกค้า และขอนำมันมาเปรียบเทียบกับ Lifetime Value” หรือ “มูลค่าตลอดช่วงชีวิต ของลูกค้าครับ

Cost Per Acquisition (CPA) นั้นจริงๆแล้วมาจากวิธีการจ่ายค่าโฆษณา ที่ผู้โฆษณาจะจ่ายค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อสามารถหาลูกค้าได้จากการโฆษณานั้นๆ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันเนื่องจากโลกธุรกิจออนไลน์ที่สามารถติดตามพฤติกรรมและแหล่งที่มาของลูกค้าได้ง่าย ต่างจากธุรกิจออฟไลน์ที่สามารถพิสูจน์ได้ยาก หากคอนโดแห่งหนึ่ง จะยอมจ่ายค่าโฆษณาให้กับผู้แสดงป้ายบิลบอร์ดเฉพาะถ้าลูกค้าระบุว่าสนใจโครงการเพราะป้ายบิลบอร์ดนั้น คงจะมีช่องโหว่ให้แต่ละฝ่ายเล่นมากมายเนื่องจากการที่ไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้

Lifetime Value (LTV) นั้น เป็นรายได้ที่คุณจะได้จากลูกค้าแต่ละรายตลอดช่วงชีวืตของเขา หรือพูดง่ายๆก็คือ ตลอดชีวิตเขา เขาจะใช้สินค้าและบริการของคุณเป็นจำนวนเงินเท่าใด

หากบริษัทเรามองคุณค่าของ LTV ด้วย ก็จะเห็นได้ว่า ลูกค้าทุกคนต่างมี LTV ต่อองค์กร หากเราสามารถทำให้ LTV เหนือกว่า CPA ได้มาก บริษัทก็จะอยู่รอดและเจริญเติบโตได้ง่าย

ยกตัวอย่างการตลาดผ่านการส่งจดหมายให้สั่งซื้อ จะเห็นได้ว่า ในการเขียนจดหมายฉบับหนึ่งนั้น มีค่าใช้จ่ายที่คงที่ และในการส่งอีเมลล์ฉบับนั้นให้คนหนึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการตีพิมพ์ ค่าซอง ค่าแสตมป์ ฯลฯ อีกจำนวนหนึ่ง

สมมุติว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายในการที่จะส่งให้ลูกค้าต่อฉบับนั้นอยู่ที่ฉบับละ 50 สตางค์ หรือ 0.50 บาท หากผมสามารถทำให้ในการส่งทุกๆ 1,000 คนนั้น จะมีคนสั่งสินค้ามูลค่า 1,000 บาทได้หนึ่งคน นั่นแปลว่าทุกๆ 500 บาท (1,000 x 0.5) นั้นผมจะได้รายได้ 1,000 บาท ซึ่งก็คือกำไร 500 บาท หรือมี margin ที่ 50

หากเราตั้งโจทย์ว่าเราสามารถส่งจดหมายให้กับคนที่ลงชื่อไว้กับเราแล้วเท่านั้น โดยที่ปกติคนที่ลงชื่อเป็นสมาชิกจะรับสมัครอยู่แค่ประมาณ 10 เดือน และผมสามารถส่งจดหมายได้แค่เดือนละครั้ง นั่นก็หมายความว่า LTV จองผมน้ันอยู่ที่ (รายได้ต่อคนต่อรอบ x จำนวนรอบ) = 500/1,000 x 10 = 5 บาท

5 บาทนี้คือ LTV เฉลี่ยต่อสมาชิกจดหมายของเรา หากผมใช้ค่าใช้จ่ายในการตลาดเพื่อหาสมาชิกในอัตราที่แพงกว่าหัวละ 5 บาทแล้ว (CPA) นั่นแปลว่าผมจะขาดทุน

หากผมไม่สามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการหาสมาชิกให้ต่ำกว่า 5 บาทได้มากพอนั้น มันย่อมสร้างปัญหาในเรื่องของศักยภาพและความเร็วในการเติบโต แปลว่าเราอาจจะต้องหา business model ใหม่ หรือใช้วิธีการหาลูกค้าวิธีอื่น

แน่นอนว่าหลักการคำนวณ LTV เพื่อควบคุม CPA นั้นใช้ได้กับทุกวงการ ทั้งในโลกดิจิตอลและโลกออฟไลน์ โดยเป็นหลักการคิดง่ายๆว่าโดยปกติเราสามารถหากำไรจากลูกค้าแต่ละรายได้เท่าไหร่ โดยเราอาจคำนวณเป็นการประมาณการก็ได้

ในหลายๆครั้ง บริษัทเราอาจจะคิดว่าการทุ่มทุนสร้างฐานลูกค้าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่มีการคำนวณที่ดี เราอาจจะกำลังเสียค่าการตลาดไปมากกว่ารายได้ที่เราจำได้รีบจากฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นก็เป็นได้ครับ

เลอทัด ศุภดิลก

E-mail: lertad@flyingcomma.com

Up next ซอฟท์แวร์ / บั๊ก / ทีม ชีวิตของคนทำงานซอฟท์แวร์ เป็นธรรมดาที่จะต้องเจอบั๊ก ตอนนี้ซอฟท์แวร์ตนเองกำลังเจอบั๊กใหญ่ แต่กลับกลายเป็นไม่ได้เครียดอย่างที่เคยเป็น การสร้างสรรค์คือการสร้างชิ้นจิ๊กซอว์ การสร้างอะไรใหม่ขึ้นมานี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นการสร้างอะไรที่คนไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่มีแบบแผน ไม่มีข้อถูกผิด ไม่มีอะไรมาใช้บอกได้ว่า เห้ย
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging