|||

Disruptive E-commerce Startups” - บริษัทอีคอมเมิร์ซที่กำลังพลิกโมเดลธุรกิจ

ในฐานะคนที่ประกอบการเกี่ยวกับซอฟท์แวร์ E-commerce และติดตามข่าวสารการค้าขายออนไลน์มาโดยตลอดแล้ว ผมเห็นได้ชัดว่าปีพศ. 2557 เป็นปีที่มีการค้าขายคึกคักมาก เพราะนอกจากจะมีการซื้อมาขายไป ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ หรือการส่งออกสินค้าจากในไทยแล้ว ยังมีความคึกคักของการพัฒนาสินค้าใหม่ๆขึ้นมาจากฝีมือคนไทย พร้อมขายคนไทยด้วยกันเองอีกด้วย โดยเฉพาะในวงการแฟชันเสื้อผ้าผู้หญิง ที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่คิดค้นหรือนำรูปแบบเสื้อผ้าที่มีอยู่มาประยุกต์ และศึกษาพัฒนากระบวนการจ้างผลิตและขนส่งกันด้วยตัวเองอีกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่แม้ในสื่อจะดูเหมือนมีแต่ข่าวร้ายเกี่ยวกับครีมเถื่อนหรือยาลดความอ้วนที่เป็นอันตรายแล้ว แต่แท้จริงก็มีแบรนด์จำนวนมากที่ปลอดภัย ได้รับ อย.” เพราะพัฒนาโดยเภสัชกรที่ต่างคนต่างเคยฝันอยากมีแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์เป็นของตนเองตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จนปัจจุบันที่ตลาดกลางไปล่างเริ่มมีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าเหล่านี้ ก็กลายเป็นโอกาสของคนไทยที่จะสร้างผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาสนองความต้องการ แทนที่จะพึ่งสินค้าต่างประเทศที่มีราคาแพง

การที่ตลาดตอบรับการซื้อขายสินค้าแบรนด์ไทยแบบนี้ นับเป็นเรื่องดีทั้งสำหรับสภาพเศรษฐกิจและวงการอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะเท่ากับสร้างแรงจูงใจให้คนเป็นผู้ประกอบการและการพัฒนาสินค้าที่มีแบรนด์หรือนวัตกรรมเป็นของตนเองมากกว่าการพยายามลดต้นทุนอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งทำถึงที่สุดแล้วยังไงเราก็สู้เพื่อนบ้านต่างประเทศในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แล้ว)

ในครั้งนี้ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะพูดถึง E-commerce Startups ในต่างประเทศที่ใช้ประโยชน์จากช่องทางการค้าขายออนไลน์ในการขายสินค้าที่เขาพัฒนากันไปอีกขั้น เพราะเขาไม่ได้เพียงแค่สร้างสินค้าใหม่ แต่พลิกโมเดลธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เขาทำอยู่เลยทีเดียว

Warby Parker - แว่นตา ที่ท้าให้ลอง

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:11a - warby parker.jpg

เคยสังเกตมั้ยครับว่าราคาแว่นตาไม่ค่อยมีจุดกึ่งกลางระหว่างกรอบแว่นราคาไม่กี่ร้อย กับแว่นตามีแบรนด์ที่เริ่มต้นที่ระดับสี่ห้าพันไปจนหลายหมื่น

บริษัท Warby Parker เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายแว่นที่สังเกตเรื่องนี้เหมือนกัน และได้ทำการค้นคว้าจนพบเหตุผลว่าแว่นตาแบรนด์ดังกว่า 80% นั้นไม่ว่าจะเป็น Ray-ban, Oakley, ESS หรือแว่นตาที่ผลิตภายใต้แบรนด์ดีไซเนอร์ใหญ่ๆอื่นๆอย่าง Armani, Burberry, Chanel, Coach, Disney, DKNY, Prada, Polo Ralph Lauren, Tony Burch, Versace, Dolce & Gabbana ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น

Warby Parker จึงเริ่มต้นด้วยการเลือกที่จะสร้างระบบการผลิตเอง เพื่อตัดพ่อค้าคนกลางและผู้เล่นอื่นๆ รวมถึงการลดต้นทุนด้านการมีหน้าร้านในตอนแรก เพื่อให้ได้แว่นตาคุณภาพไม่แพ้แบรนด์ดัง แต่สามารถขายในราคาที่ถูกลงกว่าหลายเท่าตัว

แน่นอน สำหรับสินค้าที่มีเรื่องของขนาดสินค้ามีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างสูงแล้ว สิ่งถัดไปที่ Warby Parker ทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคก็คือเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจซื้อสั่งขอบแว่นมาลองที่บ้านได้มากถึง 5 ชิ้น ในระยะเวลานานถึงห้าวัน หากไม่พอใจ สามารถส่งคืน และขอขนาดหรือรูปแบบใหม่ได้ทุกเมื่อ หรือตัดสินใจไม่ซื้อไปเลยก็ได้

ทั้งหมดนี้ ปราศจากค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

เหตุผลที่ Warby Parker ทำเช่นนี้ เพราะเขาเชื่อมั่นและพิสูจน์มาแล้วว่าแม้จะมีค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยังสามารถได้กำไรจากการที่ผู้บริโภคประทับใจและบอกต่อเพื่อนๆด้วยกันเอง และถึงแม้จะยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อตอนนี้ แต่ผู้บริโภคคงจำและไว้ใจแบรนด์นี้ต่อไปในอนาคต

และที่น่าสนใจคือ หลังจากที่ Warby Parker ได้เริ่มต้วยการลดต้นทุนด้วยการไม่มีหน้าร้านตามห้างแล้ว ทุกวันนี้เขากลับตัดสินใจสร้างร้านตามห้างอีกที แต่ยังคงความต่างด้วยการใช้นโยบายไม่เก็บสินค้าไว้ที่หน้าร้าน แต่ใช้หน้าร้านเพื่อให้คนได้มีโอกาสลองแว่นตาในจำนวนที่มากยิ่งกว่าทีละหาชิ้น แต่เสร็จแล้วก็สามารถสั่งออนไลน์ให้ไปส่งที่บ้านจากที่ร้านได้เลย ซึ่งการที่แบรนด์ใดแบรนด์นึงจะทำแบบนี้ได้ ก็คงจะต้องเริ่มจากการมีระบบการขายและส่งของออนไลน์ที่แข็งแกร่ง และการรับรู้ว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นการจัดจำหน่ายออนไลน์มาก่อนแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับบริษัทต่อไปที่เราจะพูดถึงซึ่งก็คือ…

Bonobos - เสื้อผ้าบุรุษชาย ที่สวมใส่ได้พอดีตัว

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:11b-guideshop.jpg

Bonobos เป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เริ่มต้นจากการที่ผู้ก่อตั้งผลิตกางเกงสไตล์เอวต่ำที่ีขนาดขาเหมาะกับคนอเมริกา ซึ่งในขณะนั้นแบรนด์เสื้อผ้าระดับกลางมักมีแต่ไซส์จากแบรนด์จากฝั่งยุโรป ทำให้กางเกงแบรนด์ Bonobos ของเขาได้รับความนิยมอย่างมากจนเขาตัดสินใจที่จะลุยสร้างแบรนด์อีคอมเมิร์ซอย่างจริงจังตั้งแต่ปีพศ. 2550

ในปัจจุบัน Bonobos อาจเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์อีคอมเมิร์ซสำหรับเสื้อผ้าผู้ชายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ด้วยเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าที่รับประกันว่าคนซื้อสามารถ ใส่ได้แน่นอน” เพราะเขามีการเก็บขนาดลำตัวของผู้ซื้อไว้ในระบบอยู่แล้ว

แน่นอนว่าแม้การเก็บเรื่องไซส์จะเป็นไอเดียที่ดี แต่อุปสรรคก็อยู่ที่ว่าเหล่าบรรดาผู้ชายทั้งหลายจะเอาไซส์ขนาดตัวมาจากที่ไหนเนี่ยแหละ ซึ่ง Bonobos เลยมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ที่ไม่ธรรมดา เพราะเพียงแค่บอกว่าเราอยู่ที่ไหน ทางบริษัทก็จะส่งช่างวัดตัวมืออาชีพไปวัดทุกสัดส่วนของร่างกายให้เลย

นอกจากนี้ ทางเว็บไซท์ยังมีระบบจำลองเสื้อเชิ้ตสั่งตัด ให้เราสามารถสั่งเสื้อเชิ้ตโดยปรับแต่งเรื่องของปก กระดุม แขน ชายเสื้อ และแทบจะทุกสัดส่วนของเสื้อให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้เลยอีกด้วย

และเช่นเดียวกับทาง Warby Parker ในปัจจุบัน Bonobos ก็เริ่มขยายมาสู่โลก offline ด้วยการเปิดหน้าร้านที่เรียกว่า Guide Shop” เพราะแทนที่จะเป็นร้านรีเทลปกติ แต่ทาง Bonobos ต้องการให้เป็นแค่ร้านที่เอาไว้ลองเสื้อผ้าประเภทและสไตล์ต่างๆที่ทางบริษัทมีจัดจำหน่ายอยู่บนเว็บไซท์ รวมถึงการได้วัดไซส์จากช่างมืออาชีพของบริษัท เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและทำการสั่งซื้อผ่านเว็บไซท์ต่อไปได้ ซึ่งก็จะทำให้ทางบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของต้นทุนการเก็บของไปได้อย่างมาก จนเรียกได้ว่า Bonobos อาจเป็นร้านแรกที่พอใจกับปรากฏการณ์คนเดิมเข้าเต็มร้านและออกมาอย่างมือเปล่าเลยทีเดียว

Dollar Shave Club - ใบมีด(กวน)โอ๊ย โกนทั้งหนวด โกนทั้งค่าใช้จ่าย

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:11c-dollarshaveclub.jpg

ถ้าใครเคยเรียนธุรกิจหรือการตลาด อาจจะเคยได้ศึกษาโมเดลธุรกิจของใบมีดโกนหนวดชื่อดัง ที่ใช้กลยุทธ์การขายด้ามโกนหนวดในราคาถูก แล้วล็อคลูกค้าไว้ด้วยการเก็บกำไรจากครีมโกนหนวดและใบมีดโกนหนวดที่ต้องซื้อต่อๆมาอีกที ซึ่งโมเดลธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากจนขาดคู่แข่งที่จะมาเล่นในการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกกว่าตลอดช่วงอายุจริงๆ

บริษัท Dollar Shave Club เลยกลายเป็นบริษัทที่ฉวยโอกาสตรงนี้ในการใช้ประโยชน์จากช่องทางการค้าขายออนไลน์เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายใบมีดและอุปกรณ์โกนหนวดในราคาเริ่มต้นเพียง $1 เท่านั้น พร้อมเปิดตัวด้วยคลิป YouTube ที่ปัจจุบันมีคนดูไปแล้วกว่า 16 ล้าน สร้างแบรนด์กวนโอ๊ยกวนเจ้าตลาด โดนใจเหล่าผู้ชายแมนๆได้ทันที

แต่สิ่งที่ Dollar Shave Club ทำนี้ไม่ใช่แค่ทำผลิตภัณฑ์มาขายในราคาถูกแบบธรรมดาๆ แต่เขาเลือกที่จะขายด้วยโมเดล Subscription” หรือก็คือ จ่ายรายเดือน” ซึ่งหมายความว่าในทุกๆเดือน ทาง Dollar Shave Club จะทำการส่งทั้งใบมีดเซ็ทใหม่ และครีมโกนหนวดมาให้กับลูกค้าโดยอัตโนมัติ ตอบโจทย์ความขี้เกียจของผู้ชายที่มักจะไม่ชอบเดินช้อปปิ้ง พร้อมประหยัดค่าขึ้นห้างและการที่จะต้องมีหน้าร้านใดๆไปในตัวอีกด้วย

ความสำเร็จของแบรนด์เหล่านี้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคในการที่จะซื้อสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์ และมีแบรนด์ของตนเอง ไม่ต้องผ่านตลาดออนไลน์เสมอไป และบริษัทเหล่านี้ ทุกวันนี้ก็ต่างทยอยระดมทุนจากเหล่านักลงทุนที่ปกติที่ผ่านมาจะลงในบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Facebook, Instagram ไปกันเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำเงินไปบริหารเรื่องสต๊อคและกำลังผลิตสินค้ากันต่อไป

สำหรับประเทศไทยเองที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน น่าเริ่มศึกษาวิธีการขายของที่จะพลิกแพลงและแย่งส่วนแบ่งตลาดกันแบบนี้บ้างนะครับ

–-

เลอทัด ศุภดิลก

lertad@sellsuki.com

http://lertad.com

Up next รีวิวอีเว้นท์ Apple Live Event 2014 ทุกวันนี้สังเกตุตัวเองได้ว่างานอีเว้นท์ของ Apple กลายเป็นเหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่าง เป็นสิ่งที่คุ้นเคยท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งเหยิง “Subscription-Based E-commerce” - เปลี่ยนการขายของออนไลน์จาก “รายการ” เป็น “รายเดือน”
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging