|||

Subscription-Based E-commerce” - เปลี่ยนการขายของออนไลน์จาก “รายการ เป็น รายเดือน

หนึ่งในความปวดหัวของคนขายของออนไลน์และความหวั่นกลัวของคนค้าขายโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ค้าขายแบบ B2C คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการคาดการณ์ว่าสินค้าเรา จะขายได้หรือไม่” ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อรายได้แล้ว ยังมีเรื่องของการจัดการสต๊อคสินค้าและการบริหารกระแสเงินสดอีกด้วย

คงจะดีใช่ไหมครับถ้าเราจะมีรายได้มั่นคงตลอดทุกเดือน ไม่ต้องแอบห่วงว่าลูกค้าเก่าจะยังคงอยู่กับเราหรือไม่ สามารถคาดการณ์ยอดขายล่วงหน้าได้มั่นใจ และคาดการณ์ได้ว่าจะต้องสั่งวัตถุดิบในการผลิตมากน้อยเพียงใด

ในปัจจุบันมีบริษัทอีคอมเมิร์ซยุคใหม่ได้ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จแล้วครับ

บริษัทเหล่านี้เรียกตัวเองว่าเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ค้าขายด้วยระบบ แพคเกจรายเดือน หรือ “subscription-based e-commerce” นั่นเอง โดยผู้ซื้อจะต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกกับทางบริษัทด้วยบัตรเครดิต เพื่อแลกกับการรับสินค้าในทุกๆเดือน และทางบริษัทจะทำการหักค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทุกๆเดือนโดยอัตโนมัติ

จริงๆแล้วระบบการสั่งซื้อสินค้ารายเดือนโดยอัตโนมัติไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรสำหรับร้านค้าปลีกหรือธุรกิจ B2B โดยบางทีร้านค้าปลักก็จะมีการรรับสินค้าใหม่ๆจากผู้ผลิตที่มีอำนาจการต่อรองต่างๆเพื่อรับสินค้าพิเศษเฉพาะเดือนมานำขาย หรือระบบ B2B ที่มักจะมีการสั่งซื้อสินค้าอุปกรณ์สำนักงานรายเดือนอยู่แล้วทุกๆเดือน แต่การที่บริษัทเหล่านี้สามารถนำระบบมาใช้กับผู้บริโภค (B2C) ได้สำเร็จนั้น ต้องอาศัยทั้งความสำเร็จในการสร้างความน่าเชื่อถือ และการตอบโจทย์ผู้บริโภคในระดับที่ความสะดวกสบายและประโยชน์ที่เขาจะได้รับนั้นคุ้มค่ากับการยอมเสี่ยงจ่ายค่าสินค้าในทุกๆเดือนก่อนที่จะได้รับสินค้าจริงเลยทีเดียว

ครั้งนี้ ผมจึงขอยกตัวอย่างบริษัทที่น่าสนใจที่ได้ทำระบบอีคอมเมิร์ซแบบ Subscription-based ได้สำเร็จมาเล่าให้ฟังนะครับ

1. Birchbox

Macintosh HD:Users:lertad:Downloads:temp:Screen Shot 2557-10-29 at 10.52.06.png

Birchbox เป็นบริษัทรายแรกๆที่นำระบบการซื้อขายแบบ Subscription มาประยุกต์ใช้ได้ประสบความสำเร็จจนได้รับการลงทุนกว่า $12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีโมเดลธุรกิจที่ชาญฉลาด เพราะธุรกิจของเขาคือการนำส่งพวกสินค้าเครื่องสำอางค์และน้ำหอมขนาดทดลอง (samples) ที่ปกติแบรนด์ต่างๆจะทำการวางจำหน่ายหรือแจกฟรีตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านจัดจำหน่ายอยู่แล้วมาขายให้กับผู้บริโภคในราคา $10 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน ซึ่งผู้บริโภคก็ดันยินดีจ่ายเงินเพื่อรับของ ฟรี เหล่านั้น เพราะปรากฏว่ามีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากที่ชอบทดลองเครื่องสำอางค์ น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์เสริมความงามอื่นๆใหม่ๆอยู่ตลอด แต่ไม่ได้ขยันพอที่จะไปเดินไล่เก็บตามเคาน์เตอร์ต่างๆ เพราะนอกจากจะเสียเวลาเที่ยวกับเพื่อนแล้วยังรู้สึกแอบอายที่จะต้องคอยเดินเก็บเรียงคิวตามแต่ละเคาน์เตอร์อีกด้วย นอกจากนี้ Birchbox ยังทำตัวเป็นเหมือน ผู้นำเทรนด์ (Trendsetter) ที่จะรวบรวมของใหม่ล่าสุดที่กำลังได้รับความนิยม หรือรับประกันว่าเป็นสินค้าคุณภาพ จนแบรนด์บางแบรนด์ยอมเปิดตัวสินค้าผ่าน Birchbox นี้เป็นแห่งแรกไปแล้ว

ทั้งนี้ในปัจจุบัน นอกจาก Birchbox จะประสบความสำเร็จในการขายกล่องผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิงแล้ว เขายังได้ขยายธุรกิจไปสู่สินค้าสำหรับผู้ชายโดยเปิดขายในราคา $20 เหรียญสหรัฐต่อเดือน พร้อมทั้งเปิดร้านค้าออนไลน์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆที่ตนได้ส่งสินค้าทดลองตามกล่องไปแล้วโดยเรียบร้อย

2. Shoedazzle

Macintosh HD:Users:lertad:Downloads:temp:shoedazzle_kardashian.png

รองเท้าผู้หญิงเป็นอีกหนึ่งประเภทสินค้าที่มีอัตราการซื้อบ่อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่ว่าเราจะเดินไปไหน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัดข้างทาง เราก็มักจะเห็นร้านขายรองเท้าอยู่สม่ำเสมอ และก็มักจะมีจำนวนผู้หญิงเดินส่องดูอยู่ตลอดเวลา ทางบริษัท Shoedazzle จึงเห็นโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความต้องการซื้อรองเท้าอันไร้ขีดจำกัดของบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลายด้วยการค้าขายแบบ Subscription ด้วยการส่งรองเท้าดีไซน์ใหม่ๆให้ทุกเดือนไปเลย โดยเมื่อผู้ใช้เริ่มใช้ Shoedazzle ครั้งแรก ทางบริษัทจะมีตัวอย่างสไตล์รองเท้าต่างๆให้เลือกว่าชอบสไตล์รองเท้าแบบไหนเป็นพิเศษ เสร็จแล้วก็จะทำการส่งอีเมลแคตตาล็อกส่วนตัวที่จำกัดเฉพาะสไตล์รองเท้าที่เราสนใจให้ทุกเดือนเพื่อเลือกคู่ที่เราต้องการในแต่ละเดือนนั้นไปเลย ภายใต้ราคาประมาณ $40 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน โดยหากผู้ใช้ยังไม่ต้องการซื้อรองเท้าในเดือนนั้นๆ ทางบริษัทก็จะเก็บค่าใช้จ่ายสะสมไว้เพื่อใช้ในอนาคตไปโดยอัตโนมัติ

Shoedazzle มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ตรงที่หลังจากได้ดำเนินการเป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้ว ทางบริษัทได้ลองเปลี่ยนโมเดลจากการบังคับจ่ายรายเดือนด้วยการหักบัตรเครดิตไม่ว่าจะซื้อหรือไม่นั้น ไปเป็นการให้เลือกว่าถ้าหากยังไม่ซื้อในเดือนนั้นๆ ก็จะไม่มีการหักบัตรเครดิตสะสมไว้ใดๆทั้งสิ้น รวมถึงการพยายามขายสินค้าเสื้อผ้าแฟชันและชุดชั้นในประเภทอื่นๆอีกด้วยเพราะได้รับเสียงตอบรับว่า เวลาเห็นนางแบบใส่รองเท้าแล้ว อยากได้ชุดเสื้อผ้าทั้งชุดของนางแบบไปเสียเลย แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อบริษัททำการเปลี่ยนแล้ว อัตราการเติบโตกลับลดลง เพราะทางบริษัทกลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซทั่วๆไปในสายตาของผู้ใช้ จนในปัจจุบัน Shoedazzle จึงเปลี่ยนโมเดลกลับมาเป็น Subscription เหมือนเดิม พร้อมทั้งนำ Rachel Zoe มาเป็น “Chief Stylist” ของบริษัท แทน Kim Kardashian ที่เคยรับหน้าที่นี้ในช่วงปีแรกของบริษัท

3. Manpacks

Macintosh HD:Users:lertad:Downloads:temp:Screen Shot 2557-10-29 at 11.51.12.png

Manpacks เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เจาะช่องโหว่ในตลาดอีคอมเมิร์ซสำหรับเหล่าสุภาพบุรุษ ด้วยการใช้ประโยชน์จาก ความขี้เกียจ” ของเหล่าผู้ชายด้วยการบริการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคที่ต้องมีการจับจ่ายใช้สอยทดแทนบ่อยๆอย่างเช่น กางเกงใน

ใบมีดโกนหนวด กระดาษชำระ และถุงยางอนามัย ส่งตรงถึงบ้านในทุกๆเดือน ไม่ต้องแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตให้เหน็ดเหนื่อย พร้อมด้วยคำพูดโฆษณาที่ค่อนข้างจะตลกขบขันและล้อเลียนตัวเอง สไตล์เหมือนเวลาเพื่อนผู้ชายคุยกันเอง โดย Manpacks มีจุดแตกต่างจากสองบริษัทที่กล่าวมาตรงที่ให้ผู้ใช้กำหนดสินค้าที่ต้องการในแต่ละเดือนด้วยตัวเอง แทนที่ทางบริษัทจะกำหนดราคาและจำนวนสินค้าที่ได้มาให้โดยล่วงหน้า

จากตัวอย่างทั้งหมด จะพอเห็นได้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซประเภท Subscription-based นั้นมีหลายทางให้เล่นพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น

1) สินค้าประเภทแพคเกจรายเดือน ที่คอยเซอร์ไพรส์สร้างความประทับใจและความน่าตื่นเต้นน่าลุ้นให้กับผู้บริโภค หรือแพคเกจสินค้าใหม่ล่าสุด ที่เป็นทั้งรายได้และการสร้างโอกาสในการ Upsell” สินค้าหรือบริการอื่นๆที่มีราคาแพงกว่าได้จากการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจผ่านบริการรายเดือนที่เราเคยให้เขาอยู่แล้ว และ

2) ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคที่มักจะต้องมีการซื้อบ่อยๆหรือซื้อรายเดือนอยู่แล้ว ที่นอกจากจะตอบโจทย์ความ ขี้เกียจ ของผู้บริโภคในการไปซื้อตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการคอยกดซื้อผ่านเว็บไซท์อื่นๆแล้ว ยังเป็นการลดโอกาสที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งอีกด้วย เพราะถ้าสินค้าหรือบริการไม่ได้แย่จริง ผู้ใช้ก็มักจะขี้เกียจมานั่งกดยกเลิกบริการ และไปสมัครคู่แข่งอื่นๆอีกด้วย

ในยุคที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด หวังว่าโมเดลธุรกิจนี้จะพอให้ไอเดียท่านผู้ประกอบการได้บ้างนะครับ

–-

เลอทัด ศุภดิลก

lertad@sellsuki.com

http://lertad.com

Up next “Disruptive E-commerce Startups” - บริษัทอีคอมเมิร์ซที่กำลังพลิกโมเดลธุรกิจ “3D Printing Startups” - จะเกิดอะไรขึ้น หากใครๆก็ “พิมพ์” สินค้าได้จากบ้านตัวเอง
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging