|||

Sharing Economy” - แนวคิด Startup ใหม่ หากำไรจากทรัพย์สินที่ไม่ได้ถูกใช้

หลายๆคนคงจะพอรู้จักการ ขายของมือสอง กันอยู่บ้างแล้ว ด้วยแนวคิดของการนำสินค้าที่ตนเองไม่ได้ใช้แล้วมาปล่อยขายให้คนอื่นได้ใช้ต่อ แทนที่จะปล่อยมันทิ้งไว้อยู่เฉยๆ

แต่บางทีเราก็มีของที่ไม่ค่อยได้ใช้แต่ก็ยังอยากเก็บไว้อยู่เหมือนกัน ซึ่งบ่อยครั้ง ทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะถูกวางไว้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ใดๆ

ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์หนึ่งคัน เราซื้อมาในราคาหลายแสนหลายล้าน แต่เรากลับใช้มันอยู่แค่วันละไม่กี่ชั่วโมง หรือบางทีก็มีรถคันเก่าๆที่เราเก็บเผื่อไว้ใช้แค่ครั้งคราว

ในคอลัมน์ที่แล้วผมเลยได้มีโอกาสพูดถึงบริษัท Lyft” ที่เป็นบริการให้คนสามารถแปลงรถยนต์ของตัวเองที่บ้านมากลายเป็นแท็กซี่ได้ง่ายๆผ่านการประกาศให้บริการผ่านแอพพลิเคชันมาแล้ว ซึ่งก่อให้เกิดกลุ่มผู้ให้บริการรถโดยสารกลุ่มใหม่ที่มีรถและเวลาอยู่ว่างๆและต้องการหาเงิน ให้สามารถปหารายได้จากการขับรถส่งผู้โดยสารในช่วงที่มีเวลาได้ หรือบริษัทอย่าง “RelayRides” ที่เป็นบริการให้คนสามารถปลล่อยรถยนต์ของตัวเองให้คนอื่นเช่าเป็นช่วงเวลาได้เหมือนบริษัทปล่อยเช่ารถทั่วไป

หรือแม้กระทั่งตัว Uber” เองที่เหมือนจะเป็นบริการรถโดยสารระดับหรูแต่เรียกตัวเองว่าเป็นบริการ Ridesharing” เพราะแทนที่จะไปขอขึ้นทะเบียนรถให้บริการผู้โดยสารแต่ใช้วิธีการซื้อรถมาแล้วให้คนขับกับผู้โดยสารใช้บริการกันผ่านแอพโดยตรงไปเลย

ธุรกิจที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้ ปัจจุบันได้ถูกเรียกว่าเป็นธุรกิจประเภทที่สร้างคุณค่าจาก “Sharing Economy” หรือ เศรษฐศาสตร์ของการแบ่งปัน หรือที่บางที่ก็เรียกว่า “Collaborative Consumption” หรือการ แบ่งกันบริโภค” ซึ่งหากจะเรียกตามศัพท์เศรษฐศาสตร์แล้วคงจะเป็นการ ใช้อรรถประโยชน์” จากสินทรัพย์ให้เต็มที่มากขึ้น แต่หากจะเรียกภาษาทั่วไปก็คือนำของที่วางทิ้งไว้เฉยๆเย็นๆมาใช้ทำเงินเอาซะเลย คล้ายกับที่คนในวงการหุ้นชอบเรียกว่าเป็นการทำให้เงินหรือสินทรัพย์ ทำงานแทนเรา” ผ่านการปล่อยให้คนอื่นใช้แทน

หรือหากจะเรียกให้ง่ายยิ่งขึ้นเข้าไปอีกก็คือ เป็นบริการที่สร้างพฤติกรรมการ ให้เช่า” ให้ง่ายขึ้นนั่นเอง

บริษัทเหล่านี้จะมีแนวคิดในการสร้างโมเดลธุรกิจสำคัญอยู่สองอย่างคือ

  1. การใช้สมาร์ทโฟนหรือเว็บไซท์ในการให้ผู้ให้บริการประกาศให้บริการ และให้ผู้สนใจใช้บริการค้นหาผู้ให้บริการ

  2. การใช้ประวัติการทำรายการหรือโซเชียลเน็ตเวิร์คในการสร้างความน่าเชื่อถือและการมีตัวตนของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ

ซึ่งหากจะพูดถึงบริษัทดังๆในกลุ่ม Sharing Economy” แล้ว นอกจากตัว Uber” ที่เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์แล้ว คงจะต้องพูดถึง AirBnB” ที่มาเจาะตลาดโรงแรมและคอนโดด้วยการให้ใครก็ได้ที่มีบ้านหรือที่พักนำมาประกาศให้บริการ “เช่าที่พัก” ผ่านเว็บไซท์ของตนเอง เปิดให้บริการแล้วทั่วโลก รวมถึงที่ในประเทศไทยเอง มีผู้มีใช้บริการและมีรายได้จาก AirBnB เดือนหลายหลายหลักกันหลายรายแล้ว จนปัจจุบันตัว “Uber” เองได้รับการตีมูลค่าไว้ที่ $18,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ AirBnB อยู่ที่ $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯตามลำดับ โดยธุรกิจนี้ในภาพรวมในปี คศ. 2014 ได้รับการตีมูลค่าจากนิตยสาร FORBES ว่าน่าจะมีรายได้กันอยู่ที่ประมาณ $3,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โตขึ้นจากปี คศ. 2013 มากถึง 25% เลยทีเดียว

และเมื่อเทรนด์ธุรกิจมันโตมาขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่ในแถวประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็เริ่มมีบริษัทเกิดใหม่จำนวนมากที่ต้องการจะนำแนวความคิดของ Sharing Economy นี้มาใช้ โดยทางบริษัท Nielsen ได้ประเมิณไว้ว่าผู้บริโภคในแถบนี้เองก็เริ่มที่จะเปิดรับบริการเหล่านี้ โดยวางประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทยของเราเอง

ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Withlocals” จากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่กำลังเติบโตอยู่ทั่วโลกที่ดูผ่านๆเหมือนเป็นผู้ให้บริการทัวร์ท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้วมีความแตกต่างตรงที่เป็นตลาดเชื่อมให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาท่องเที่ยวในรูปแบบของการร่วมกิจกรรมกับคนในพื้นที่ของประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหาร เที่ยวแหล่งท่องเที่ยว หรือพักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งมีจุดแตกต่างจากบริษัททัวร์ทั่วไปตรงที่ทางตัว Withlocals เองนั้นไม่ได้คอยจัดหาจ้างพนักงานไกด์เป็นของตนเอง แต่เปิดให้คนในพื้นที่แต่ละประเทศนั้นๆเข้ามาเสนอบริการเองว่าสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวอะรได้บ้าง เช่น สอนทำอาหาร พาไปกินข้าวร้านอาหารที่รสชาติเป็นแบบของคนประเทศนั้นจริงๆ พาวิ่งรอบออกกำลังกายยามเช้า หรือแม้กระทั่งเรื่องอย่างการอาสาพาขับรถไปที่ต่างๆในประเทศ

ในประเทศเวียดนามเองก็มีบริษัทชื่อ Triip.me” ที่ทำเรื่องท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน แต่เล่นในมุมของการให้ผู้ต้องการให้บริการมาสร้างแพคเกจทัวร์โดยเฉพาะ แล้วนำเสนอให้คนที่สนใจท่องเที่ยวมาเลือกใช้บริการคนเหล่านั้นได้ ซึ่งก็จะมีทั้งไกด์มืออาชีพ และคนที่พึ่งสนใจอยากหารายได้ทางด้านนี้มาประกาศตัวเอง

ซึ่งหาก Triip.me” ของประเทศเวียดนามเล่นในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว ทางมาเลเซียเองก็มีข่าวว่าบริษัท Plate Culture” จากประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยบริการให้คนทางบ้านที่มั่นใจในฝีมือการทำอาหารสามารถเปิดบ้านให้คนภายนอกมาทานข้าวที่บ้านเขาได้ เปรียบเสมือนเป็นบริการร้านอาหารสำหรับทีละไม่กี่คน

ในประเทศฟิลิปปินส์เองที่มีปัญหาเรื่องการคมนาคมขนส่งอยู่พอสมควร นอกจากจะมีบริษัท Tripid ที่เลือกโมเดลธุรกิจแบบ Lyft ด้วยการสร้างชุมชนให้ใครๆก็เป็นคนขับและผู้โดยสารได้แล้วนั้นยังทำเรื่องระบบให้คนลดภาระค่าโดยสารด้วยการอนุมัติให้คนประกาศเส้นทางเดินทางปกติของตนเอง เช่น เส้นทางขับรถไปทำงาน เผื่อว่าจะมีใครที่ต้องการไปเส้นทางเดียวกัน แล้วอยากจะแบ่งปันค่าน้ำมันด้วยกัน อีกด้วย

แต่ที่น่าสนใจคือเว็บ Magpalitan” ที่คล้ายๆเว็บประกาศขายของในบ้านเรา แต่นำเสนอตัวเองว่าเป็นบริการ แลกเปลี่ยนของ มากกว่าการขาย โดยคนจะทำการนำสินค้าตัวเองขึ้นมาประกาศด้วยการถ่ายรูปและเขียนรายละเอียด ให้คนสามารถติดต่อได้ แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือนอกจากตัวสินค้าแล้วก็มีการประกาศบริการต่างๆ เช่น ซ่อมคอมพิวเตอร์ รับเลี้ยงลูก ฯลฯ อีกด้วย

ในประเทศสิงคโปร์เองก็ให้ความสำคัญกับการเติบโตของโมเดลธุรกิจนี้อย่างมากจนได้ตั้งสมาคม “Sharing Economy” เพื่อร่วมกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจที่ใครๆก็กลายมาเป็นผู้ให้บริการได้แบบนี้ พร้อมทั้งทำการเจรจากับภาครัฐเกี่ยวกับกฏหมายและการคุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าธุรกิจแนว Sharing Economy” หรือ Collaborative Consumption” นี้ค่อนข้างที่จะน่าสนใจ เพราะเป็นการตอบโจทย์ปัญหาทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ด้วยการ “เพิ่มประสิทธิภาพ (efficiency) ผ่านการสร้างตลาดให้กับคนที่มีทักษะ มีเวลา แต่อาจไม่ได้มีโอกาสหรือเวทีที่จะได้นำเสนอความสามารถของตัวเองหรือเสนอสินทรัพย์ที่ตัวเองมีให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระจายรายได้ให้คนทั่วไปแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับขยะ มลพิษ และความฟุ่มเฟือย ได้อีกด้วย เพราะจะช่วยลดการบริโภคที่ไม่จำเป็นไปอีกจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการให้บริการจากคนหมู่มาก คงจะไม่มีใครสามารถหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงปัญหาอาชญากรรมหรือการคดโกงได้ เมื่อธุรกิจเหล่านี้เติบโตขึ้น จึงย่อมเกิดปัญหามิจฉาชีพอยู่บ้างเป็นธรรมดาของธุรกิจแม้จะพยายามมีมาตรการป้องกันเท่าใดก็ตาม อย่างเช่นการยกเค้าขโมยของในที่พัก หรือปัญหาความปลอดภัยของผู้โดยสาร ซึ่งจริงๆแล้วแม้จะเป็นเรื่องปกติของทุกประเภทธุรกิจ แต่ย่อมเป็นการสร้างความไม่น่าเชื่อถือในกลุ่มผู้บริโภคได้อยู่แล้ว บริษัทเหล่านี้จึงมักจะต้องเริ่มมีการซื้อประกันป้องกันความเสียหายตามๆมา ซึ่งหากบริหารไม่ดีก็อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายให้กลายเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มทุนจนได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมค่อนข้างชอบแนวความคิดการนำสิ่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือทักษะและเวลา มาใช้ให้เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจผ่านการสร้างตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการนำเทคโนโลยีมาสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้อย่างจับต้องได้จริงๆ หวังว่าในประเทศไทยเอง จะมีผู้ประกอบการที่นำแนวความคิดนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้บ้างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการโดยสาร ที่จอดรถ การท่องเที่ยว บริการซักผ้า ฯลฯ หรืออะไรอีกมากมายที่เป็นปัญหาที่เราเห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน

–-

เลอทัด ศุภดิลก

e-mail: lertad@sellsuki.com

website: http://lertad.com

twitter: @lertad

Up next Wearable Startups Sellsuki Ice Bucket Challenge #IceBucketChallengeTH ผมทำ ‪#‎IceBucketChallengeTH‬ เรียบร้อยแล้วนะครับ ^^” หลักๆขอบคุณอาจารย์ Dave Rawitat Pulam แห่ง Code App Co., Ltd. ผู้ก่อการหลักที่ท้ากันซึ่งๆหน้า
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging