|||

Wearable Technology ยุคต่อไปของอุปกรณ์เทคโนโลยี

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:8b-wearable-wrist.jpg

รูปภาพจาก http://www.geek.com/news/the-state-of-wearable-tech-in-2014-1580626/

เคยสงสัยมั้ยครับ ว่าเมื่อโลกเรามีการผลิตสมาร์ทโฟนและแท็บเบล็ทกันออกมาอย่างมากมายในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว จะมีอะไรใหม่ๆมาให้เราเล่นกันอีกในอนาคต? สำหรับผู้ที่ติดตามเทคโนโลยี อาจจะสังเกตเห็นว่านักประดิษฐ์ยุคใหม่ได้เปลี่ยนความสนใจจากอุปกรณ์พกพาเหล่านี้หันมาคิดค้นอุปกรณ์ตัวใหม่ที่เล็กกว่าเดิมที่เรียกได้ว่าเป็นเหล่าอุปกรณ์ไอทีที่ออกแบบมาใช้สำหรับสวมใส่ หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษกันว่า Wearables” นั่นเองครับ

อุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาไม่ใช่เพียงสำหรับการพกในกระเป๋าสะพายหรือกระเป๋ากางเกง แต่สำหรับใส่บนตัวเลย เพื่อทำหน้าที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่เราทำ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หรือข้อมูลสภาพแวดล้อมของเราหรือสถานที่ที่เราไป เพื่อนำมาแสดงเป็นข้อมูลคล้ายกับแอพต่างๆในสมาร์ทโฟนของเรานั่นเอง

หนึ่งนั้นคือ สายรัดข้อมือ UP ที่ผลิตโดยบริษัท Jawbone ผู้คิดค้นลำโพง Bluetooth ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอย่าง Jambox” ขึ้นมาจนตอนนี้กำลังกอบโกยรายได้จนใกล้จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว และมีคู่แข่งตัวฉกาจที่มาก่อนอย่าง Fitbit ที่สวยงามไม่แพ้กัน แต่ทำหน้าที่ได้น้อยกว่า และพึ่งประสบปัญหาว่าผลิตภัณฑ์ก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนังสำหรับคนบางคนจนต้องมีการเรียกเก็บข้อมูล

อีกผลิตภัณฑ์ที่น่าพูดถึงที่แม้อาจไม่ได้มีการทำงานในด้านของการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายหรือการแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอหรือการทำงานแบบแอพเหมือน Wearables อื่นๆ แต่ก็เป็นบริษัทที่เกิดเพียงไม่กี่ปีก็เข้าตลาดหุ้นไปแล้ว กล้องพกพายอดฮิต “GoPro” ที่เติบโตจากการเป็นกล้องเลนส์กว้างถ่ายภาพคุณภาพ HD พร้อมความอึดทนทานจนนักกีฬาทั่วโลกนิยมติดตั้งไว้บนตัวเพื่อบันทึกภาพที่ตนเองเห็นเวลาเล่นกีฬาทุกประเภท ตั้งแต่กระโดดร่ม ขับรถแข่ง สเก็ตบอร์ด ขี่จักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์ ไปจนการดำน้ำ เล่นสกี หรือเซิร์ฟบอร์ด จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ผูกพันกับการผจญภัยและการแข่งขันกีฬาไปแล้ว พร้อมกับการหลั่งออกมาสู้กลุ่มคนทั่วไปซึ่งเลือกที่จะนำมันมาติดรถหรือแม้กระทั่งมาต่อกับอุปกรณ์ถือกล้องเพื่อถ่าย “selfie” หมู่ในงานรับปริญญา

แต่หากจะพูดถึง Wearables ประเภทอุปกรณ์ที่ใส่บนข้อมือทั้งที ก็คงจะเลี่ยงที่จะพูดถึงนาฬิกา “Pebble” ไม่ได้ นาฬิกา Pebble นี้หากเทียบกับอุปกรณ์ปัจจุบันแม้จะต้องเรียกว่าไม่ได้มีความสวยงามนัก แต่ในตอนที่มันถูกแสดงออกมาบนหน้าเว็บครั้งแรก กลับสามารถเรียกระดมรายได้กว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐจากเว็บระดมทุน Kickstarter ทั้งๆที่ทางบริษัทตั้งเป้าไว้ในตอนแรกแค่เพียง 1 แสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการเปิดและพิสูจน์ตลาดว่ามีความพร้อมและมีคนมีความต้องการอย่างแท้จริงแล้ว

แต่ถึงแม้จะเห็นว่าตลาด Wearables มีความคึกคักเป็นอย่างสูง มีทั้งรายใหญ่และรายเล็กกระโดดเข้ามาเล่น แต่หากคุณเป็นคน ทั่วไป” ที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับเทคโนโลยีมากนัก ไม่ใช่นักกีฬา และไม่ใช่นักคลั่งโภชนาการ แต่มีคำถามว่าจะซื้ออุปกรณ์พวกนี้มาเล่นดีไหม คงจะต้องขอแนะนำว่า อย่าพึ่ง” เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ยังอยู่ในช่วงการทดลองว่าจะสามารถสร้างประโยชน์อะไรให้กับเราได้บ้าง ส่วนใหญ่แล้วเน้นเรื่องการเก็บและแสดงข้อมูลแบบตรงไปตรงมามากกว่าจะสามารถแนะนำได้ว่าเราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร หรือนำเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ

หนึ่งในปัญหาของวงการ Wearables นี้ จะเห็นได้ว่า เมื่อมันยังไม่ได้สามารถสร้างคุณประโยชน์ได้มหาศาล หลายๆครั้งจะเกิดอาการการ ซื้อแล้วไม่ใช้” โดยเฉพาะหากอุปกรณ์ตัวนั้นไม่ได้มีความสวยงาม เนื่องจากเมื่อมันเป็นอุปกรณ์ที่ติดอยู่บนตัวเราแล้ว นอกจากมันจะมีหน้าที่รบกวนเราด้วยข้อมูลที่ควรจะเป็นประโยชน์แล้ว มันยังรบกวนภาพลักษณ์การแต่งตัวเราอีกด้วย จึงเรียกได้ว่า Wearables นี้มีความเป็นแฟชันยิ่งกว่าที่ผ่านมาจนไม่น่าแปลกใจที่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา บริษัท Apple ซึ่งมีข่าวลือว่าจะออกอุปกรณ์สำหรับใส่บนข้อมือหรือ Smart Watch” มาเหมือนกันนั้น ได้ทำการจ้างทั้งอดีต CEO ของ Yves Saint Laurent อดีต CEO ของ Burberry รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และ Nike Fuelband สายข้อมือวัดระดับสุขภาพชิ้นแรกๆของโลกอีกหนึ่งตัวออกมา

ในงาน WWDC 2014 ที่ผ่านมา บริษัท Apple ได้เลือกที่จะเอาใจเหล่าโปรแกรมเมอร์ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ที่ทำให้เหล่านักเขียนโค้ดสามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลต่างๆที่ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนโลกอย่าง iPhone ของตนเองสามารถเก็บได้ พร้อมออกแอพพลิเคชันที่เป็นตัวอย่างการใช้งาน อย่าง Health เพื่อเป็นแอพพลิเคชันที่ต้องการทำตัวเป็นศูนย์กลางของแอพและอุปกรณ์เก็บข้อมูลทั้งหมด ให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยกดเข้าไปในแต่ละแอพ สามารถกดที่แอพ Health อย่างเดียวก็พอ

เหตุผลที่ Apple เลือกที่จะนำซอฟท์แวร์เหล่านี้มาเปิดตัวและเชิดชูในงาน WWDC ของตนเองแทนที่จะพูดถึงอุปกรณ์ต่างๆของตนเองทั้งๆที่เวทีนี้เป็นเวทีที่บริษัทเคยใช้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เขย่าวงการอย่าง iPhone และ iPad มาก่อนนั้น คงจะเป็นเพราะบริษัทได้เล็งเห็นแล้วว่า Health” และ “การนำข้อมูลมาใช้ จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อันสำคัญอันถัดไป โดย เห็นได้ชัดว่าในบรรดาอุปกรณ์ Wearables ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลทั้งหมด มีการผลิตผลิตภัณฑ์ในหัวข้อ Fitness, Medical มาเยอะที่สุด และสามารถทำงานร่วมกันได้มากที่สุด ต่างจากอุปกรณ์หมวด Lifestyle ที่อาจมีทั้งจำพวกการถ่ายรูป หรือการแสดงข้อมูลสถานที่ ซึ่งไม่ได้เหมาะที่จะรวมกันอยู่ในแอพเดียว

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:8a-wearables.png

ข้อมูลจาก http://vandrico.com/database

และแน่นอนว่า ไม่ใช่เพียง Apple ที่ต้องการเกาะเทรนด์ใหม่ตัวนี้ โดยทาง Google เองหลังจากที่ได้ลองออกตัวแว่นตา Google Glass ที่สามารถรับคำสั่งจากเสียงและการขยับหัวเพื่อทำการค้นหาข้อมูล บอกทิศทาง และถ่ายรูปถ่ายวิดีโอมาทดลองเล่นแล้ว และได้ซื้อบริษัท Nest ผู้ทำอุปกรณ์สำหรับควบคุมอุณหภูมิบ้านแล้ว ก็มีแผนที่จะออกระบบ Android Wear เพื่อมาทำหน้าที่เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์ Wearable เหล่านี้ และทาง Samsung เองก็ได้ออกนาฬิกา Galaxy Gear เพื่อทำงานกับมือถือ Samsung Galaxy ต่างๆ ในการแสดง Notification และข้อมูลที่ทางมือถือได้แสดงหรือเก็บไว้

เหล่านักวิเคราะห์ตลาดก็ได้มองว่าปี 2014 นี้น่าจะเป็นปีแห่งการเติบโตของผลิตภัณฑ์พวกนี้ โดยคาดว่าแค่อุปกรณ์ประเภทคาดข้อมือนี้ก็จะมีการซื้อขายกันกว่า 17 ล้านชิ้นแล้ว แต่แม้อุปกรณ์สำหรับข้อมือจะได้รับความนิยมสูงสุด โดยข้อมูลจากบริษัท Vandrico Inc ผู้ทำการค้นคว้าเรื่องอุปกณ์ Wearables นั้นได้ระบุว่ามีอุปกรณ์วางขายแล้วกว่า 94 ตัวทั่วโลก ก็ใช่ว่าชิ้นส่วนอื่นของร่างกายจะไม่ได้รับความสนใจ โดยมีการอุปกรณ์สำหรับหัว ตอ หัวไหล่ หน้าอก ลำตัว มือ แขน ขา กว่าอีก 139 ชิ้น ตั้งแต่อุปกรณ์สำหรับจับคลื่นความถี่เด็กที่อยู่ในท้อง ไปจนอุปกรณ์คอยจับพฤติกรรมการนอนว่ามีสุขลักษณ์ดีหรือไม่อย่างไร

เชื่อได้ว่าหากใครเริ่มเบื่อการเล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเบล็ทกันแล้ว เร็วๆนี้คงจะมีอะไรใหม่ๆมาให้เราลองซื้อมาใช้ในชีวิตเราอย่างแน่นอนครับ

–-

เลอทัด ศุภดิลก

e-mail: lertad@sellsuki.com

website: http://lertad.com

twitter: @lertad

Up next Food Startups Sharing Economy “Sharing Economy” - แนวคิด Startup ใหม่ หากำไรจากทรัพย์สินที่ไม่ได้ถูกใช้ หลายๆคนคงจะพอรู้จักการ “ขายของมือสอง” กันอยู่บ้างแล้ว
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging