|||

15 Startup Incubators

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15b.jpg

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราได้เห็นค่ายโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ในประเทศทั้งสามค่ายต่างทยอยประกาศโครงการ “บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี หรือที่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Incubator” หรือ Accelerator” เพื่อจับกลุ่มผู้ประกอบการ Tech Startup” โดยเริ่มตั้งแต่ของทาง AIS ที่มีโครงการ AIS TheStartup” ไปจนถึง Dtac Accelerate” ของ Dtac และ True Incube” ของทาง True โดยต่างค่ายต่างมีวิธีการ กลยุทธ์ และทิศทางการเติบโตในการสนับสนุนที่แตกต่างกันออกไปอยู่เรื่อยๆ

ในฐานะที่ผมเองที่เคยทั้งมีส่วนร่วมใน โครงการบ่มเพาะธุรกิจ ที่หลากหลายประเภท ทั้งในฐานะผู้เข้าร่วมและผู้ช่วยในการจัด ตั้งแต่ของมหาวิทยาลัย ไปจนภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นทั้งธุรกิจขนาดเล็กและโครงการเพื่อสังคม มาจนได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการในฐานะ Tech Startup” รายหนึ่งกับ Dtac Accelerate” ในปีแรก และ True Incube” รอบแรก ที่ทางโครงการเรียกว่า Batch 1” นั้น ในคอลัมน์นี้จึงอยากจะขอโอกาสเล่าที่มาที่ไปของการเกิดขึ้นของเหล่า โครงการบ่มเพาะ” เหล่านี้และเหตุผลว่าทำไมเหล่าผู้ประกอบการทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าอาจจะอยากเข้าร่วมมันดูนะครับ

Startup Incubator คืออะไร?

ยุคนี้เป็นยุคที่มีการเกิดขึ้นของธุรกิจเทคโนโลยี ที่นำความสามารถของอินเทอร์เน็ตและซอฟท์แวร์มาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น หรือสร้างเป็นธุรกิจใหม่อย่าง Facebook, Instagram, LINE ไปเลยเป็นต้น

และแน่นอนว่าเมื่อซอฟท์แวร์ เว็บไซท์ และแอพพลิเคชันเหล่านี้เริ่มได้รับการยอมรับและเป็นโอกาสในการสร้างรายได้จากทั่วโลกอย่างมหาศาลไปแล้วนั้น เหล่าโปรแกรมเมอร์และผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตนเองหรือสร้างอะไรบางอย่างที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือมีคนใช้เป็นแสนเป็นล้านคนต่างก็เริ่มหันมาลองสร้างธุรกิจเทคโนโลยีในยุคอินเทอร์เน็ตเหล่านี้กันท่วมท้นจนคนได้ขนานนามกันว่าเป็น “Tech Startup” หรือ ธุรกิจสินค้าเทคโนโลยีเกิดใหม่ นั่นเอง

และด้วยธรรมชาติของ Tech Startup” ที่ 1) มักโตเร็วตายเร็ว 2) อาศัยทักษะคอมพิวเตอร์ใหม่ๆที่ทำให้เจ้าของกิจการเหล่านี้มักจะอายุน้อย 3) มีการควบรวมซื้อขายกิจการเป็นจำนวนมากจนทำให้อายุเฉลี่ยของ Tech Startup ที่ประสบความสำเร็จในแง่ที่เจ้าของสามารถสร้างกิจการที่ถูกซื้อโดยกิจการอื่นหรือทำการเข้าตลาดหุ้นนั้นอยู่ที่เพียง 3-7 ปีแล้วนั้น ทำให้จำนวนการเกิดของ Startup Incubator” มีมากขึ้นในอัตราที่แปรผันตามการเกิดขึ้นของ Tech Startup อยู่จำนวนมาก จนคาดว่ามีกว่า 1,000 หน่วยงานแล้วทั่วโลก

เหตุผลที่ Startup Incubator นั้นเกิดขึ้นมาและสามารถอยู่ได้เป็นจำนวนมากนั้นเพราะเหล่าผู้ก่อตั้งศูนย์บ่มเพาะเหล่านี้มักจะเห็นปัญหาของเหล่าผู้ประกอบการหน้าใหม่ในการทำธุรกิจทั้งเรื่องพื้นฐานทางกฏหมายการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงทักษะพื้นฐานทางการทำธุรกิจอย่างการตลาด การบริหาร การเงิน ที่เหล่าโปรแกรมเมอร์หรือนักธุรกิจหน้าใหม่มักยังไม่มีประสบการณ์มากนัก จึงเกิดการสร้างสถาบันที่จะสามารถช่วยเหลือเหล่าผู้ประกอบการเหล่านี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรู้ต่างๆ แลกกับสัดส่วนในการถือหุ้นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล่านั้นนั่นเอง

ทั้งนี้ จะเห็นว่าบางโครงการจะเรียกตัวเองว่า Accelerator” ที่แปลว่าการ เร่ง แทน “Incubator” ที่แปลว่าการ บ่มเพาะ โดยโมเดลสองตัวนี้จะมักจะมีความแตกต่างกันตรงที่ “Incubator” มักจะเน้นบ่มเพาะธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น อาจมีแค่ไอเดีย ยังไม่มีสินค้า หรือสินค้ายังไม่เสร็จ แต่ Accelerator” มักจะเน้นช่วยเหลือธุรกิจที่เริ่มจะหาโมเดลธุรกิจของตนเองเจอแล้ว หรือมีเว็บหรือแอพที่เสร็จแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม บางทีชื่อกับกลยุทธ์ที่ใช้จริงก็ไม่ได้สัมพันธ์กันเสมอไป

Startup Incubator ช่วยอะไรเราบ้าง?

โครงการบ่มเพาะแต่ละโครงการนั้นต้องการช่วยธุรกิจในทุกๆเรื่องที่จะทำให้ธุรกิจนั้น โต ได้ ไม่ว่าการโตนั้นจะเป็นเรื่องของจำนวนคนใช้ หรือจำนวนรายได้ โดยมักจะมีเป้าหมายระยะสั้นคือทำให้บริษัทนั้นสามารถระดมทุนจากนักลงทุนมาขยายธุรกิจต่อได้ และมีเป้าหมายระยะยาวคือมี exit” หรือการ จบธุรกิจ” อย่างสำเร็จด้วยการขายกิจการหรือเข้าตลาดหุ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นทั้งเจ้าของกิจการ นักลงทุน และผู้ประกอบการเอง ได้รับผลตอบแทนเป็นเม็ดเงินจากที่ได้สร้างธุรกิจมา

ทั้งนี้ บริการต่างๆนั้นอาจแยกได้เป็นหัวข้อใหญ่ๆคือ

1) Work Space - พื้นที่สำหรับทำงานที่เป็นที่เป็นทาง มีโต๊ะทำงาน อินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์สำนักงานเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เหล่าบริษัท Start-up ไม่ต้องไปนั่งรวมตัวกันที่ร้านกาแฟเสมอไป ซึ่งในปัจจุบันก็จะเห็นว่ามีการเกิดขึ้นของ Co-Working Space” จำนวนมากเพื่อมารองรับเหล่านักทำงานพเนจรให้มีที่ทำงานพร้อมอินเทอร์เน็ตและสังคมเพื่อนไลฟ์สไตล์เดียวกันซึ่ง Work Space เหล่านี้มักจะมาพร้อมเหล่าบริการพื้นฐานที่บริษัททุกบริษัทจะต้องมีแต่อาจจุกจิกเกินที่เหล่าผู้ประกอบการจะอยากลงทุนทำเองอย่างเช่นเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่บริษัท เลขานุการ การรับส่งจดหมาย ห้องประชุม เป็นต้น ทำให้บริษัท Startup หลายๆที่มักจะมีที่อยู่บริษัทที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่อยู่ของ Co-Working Space เดียวกันไปเลย

2) Business Consulting - การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานอย่างการจดทะเบียนบริษัท กฏหมายการค้า แรงงาน การตลาด การเงิน บัญชี ไปถึงทักษะการบริหาร (management skills) และการพาผู้ประกอบการเข้าอบรมตามสถานบันการศึกษา หรือจัดการอบรมจากผู้ประกอบการ Startup ที่ประสบความสำเร็จแล้วรายอื่นๆอีกมากมาย

ทั้งนี้ โครงการเหล่านี้ยังอาจช่วยผู้ประกอบการในการตัดสินใจเลือกเพื่อนร่วมทีม การจดทะเบียนลิขสิทธิ์ทางปัญญา และเครือข่ายนักธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่อาจไม่สามารถหาได้ด้วยตนเองเพียงลำพัง

บางโครงการอย่าง 500 Startups ของสหรัฐอเมริกานั้น จะมีทีมที่ให้คำปรึกษาทางเทคนิคธุรกิจในเรื่องการตลาดโดยเฉพาะ เพื่อช่วยเหล่าผู้ประกอบการในการหาช่องทางการโฆษณาหรือหาลูกค้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ได้ผู้ใช้จำนวนมากที่สุดโดยเร็วที่สุดในตอนต้น โดยเรียกทีมนี้ว่า Distribution Team” ที่หมายถึงการ จำหน่าย สินค้าไปสู่ผู้บริโภค และเป็นจุดขายและเอกลักษณ์ของโครงการนี้โดยเฉพาะไปแล้วโดยสมบูรณ์

และสุดท้าย ในช่วงตอนปลายของโครงการบ่มเพาะ มักจะมีการซ้อมการ Pitching” หรือฝึกการ เสนอ ผลิตภัณฑ์ของตนเองให้กับลูกค้าและนักลงทุน เพื่อทำการ ระดมทุน” มาทำธุรกิจต่อหลังจากที่จบโครงการไปแล้ว โดยจะซ้อมตั้งแต่บุคลิก วิธีการพูด และการเรียบเรียงเนื้อหาให้ดูน่าสนใจที่สุดที่นักลงทุนจะต้องการมาคุยต่อนั่นเอง

3) Network

Network” หรือ เครือข่าย ในที่นี้ หมายถึงเครือข่ายคนที่สำคัญต่างๆทั้งนักลงทุน หรือผู้ให้คำแนะนำทางธุรกิจ หรือที่บางทีคนไทยเรียกกันว่า connection” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงทั้งแหล่งทุน โอกาสทางธุรกิจ และความรู้ที่ไม่ได้สามารถหาได้ด้วยตนเองจากการค้นหาผ่าน Google ซึ่งเครือข่ายเหล่านี้ อาจเข้ามาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจที่ทำให้เรามีผู้ใช้ที่มากขึ้น เข้ามาเป็นนักลงทุนที่ทำให้เรามีโอกาสสร้างธุรกิจต่อไป หรือผู้ให้คำแนะนำ เข้ามานั่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการบริษัท ก็เป็นได้

จะเห็นว่าบริการทั้งหมดที่กล่าวมานั้น มีไว้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้มากที่สุด และเป็นห่วงกับเรื่องรายละเอียดและระเบียบในการทำธุรกิจให้น้อยที่สุด

ซึ่งนอกจากบริการเหล่านี้แล้ว โครงการบ่มเพาะก็มักจะมีเงินลงทุนช่วยสนับสนุนจำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ 150,000 — 600,000 บาท แล้วแต่นโยบายของแต่ละโครงการ แลกกับสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ 5%-15% เป็นต้นไป

และในตอนจบของโครงการ มักจะมีวัน Demo Day” ที่เหล่าบริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะพากันมา เสนอ โครงการตัวเองต่อหน้าสื่อ สาธารณชน และกลุ่มนักลงทุน เพื่อสร้างข่าวและระดมทุนให้กับธุรกิจที่มีไอเดียน่าสนใจและจำนวนผู้ใช้ที่น่าดึงดูดนั่นเอง

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15a.jpg

รูปภาพจาก thumbsup.in.th

ตัวอย่างความสำเร็จ

แม้ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจในประเทศไทยจะมีมานานแล้ว แต่โครงการบ่มเพาะประเภท Accelerator/Incubator สำหรับ Tech Startup ในไทยนั้นยังใหม่อยู่ เราจึงยังอาจไม่เห็นเรื่องราวความสำเร็จของโครงการแต่ละโครงการในเร็วๆนี้ แต่หากมองไปที่สหรัฐอเมริกา ก็จะพบโครงการชื่อดังอย่าง Y Combinator” ที่ผลิตบริษัทดังๆมากมายอย่าง Dropbox, Airbnb หรือ 500 Startups ที่ได้เน้นการลงทุนในบริษัทนอกประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น Taamkru, Playbasis, และ Claim Di ในไทย พร้อมเครือข่ายผู้ให้คำปรึกษากว่า 200 คนทั่วโลก และ TechStars ที่สร้างเครือข่ายในหัวเมืองหลักทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมากแล้ว

สรุป - ผู้ประกอบการควรเข้าร่วม Incubator/Accelerator หรือไม่?

ถ้าคุณมีไอเดีย มีทีมงาน แต่รู้สึกขาดทรัพยากรทางด้านเงินทุน ความรู้ ต้องการผู้สนับสนุน หรือสนใจว่าโครงการ Incubator” ของแต่ละที่นั้นจะสามารถช่วยเหลือเราได้คุ้มกับหุ้นที่เราจะต้องเสียไปหรือไม่นั้น ผมแนะนำว่านอกจากอ่านรายละเอียดโครงการให้ดีแล้ว ให้แสวงหาเหล่าผู้ประกอบการที่เคยผ่านโครงการแต่ละโครงการมาแล้วเพื่อพูดคุยว่าประสบการณ์ของเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไรด้วยอีกทีหนึ่ง

ซึ่งนอกจากโครงการจากค่ายใหญ่สามค่ายแล้ว ทุกวันนี้เริ่มมีโครงการ Incubator ที่ให้การสนับสนุนทั้งทางด้านทุนและเครือข่ายที่ไม่ต้องอิงกับทั้งค่ายโทรคมณาคมหรือหน่วยงานภาครัฐเริ่มเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นโครงการ i4-Accelerator Program หรือ i4-x ของทางกองทุน n-Vest Ventures ของไทยและ Expara ของสิงคโปร์ผู้ซึ่งเคยลงทุนให้กับบริษัทอย่าง 2C2P และ Wildfire ที่ประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วอีกด้วย

Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15c.pngMacintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15d.pngMacintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15e.jpg Macintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15f.jpgMacintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15g.pngMacintosh HD:Users:lertad:Dropbox (Flyingcomma):My Briefcase:S+M Magazine:Startup Markup:15h.jpeg

ในฐานะคนที่เคยผ่านโครงการเหล่านี้แล้ว ผมคิดว่าผมได้ทั้งความรู้ เงินทุน และโอกาสในทางธุรกิจและการได้รู้จักคนเก่งๆที่มากมายที่ผมเองคงไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง

หากจะมีข้อแนะนำให้ท่านที่กำลังพิจารณาโครงการต่างๆอยู่ โดยเฉพาะโครงการใหม่ๆที่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถช่วยคุณได้จริงหรือไม่ ผมแนะนำว่าสิ่งที่สำคัญในการพิจาณาคือการทำความเข้าใจว่าโครงการแต่ละโครงการนั้นได้รับเงินทุนมาจากแหล่งใด ทีมงานที่จัดนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน มีสไตล์การทำงานหรือเห็นวิสัยทัศน์ในผลิตภัณฑ์หรือตัวคุณเหมือนกับคุณหรือไม่ และหากเป็นโครงการที่มีมาแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง ให้ดูว่าทางโครงการได้ผลิตบริษัทอะไรออกมาบ้างอีก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แค่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เข้าโครงการ Incubator ไม่ได้หมายความว่าบริษัทเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จ และบริษัทที่ถูกปฏิเสธ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายแล้ว อยู่ที่ว่าท่านผู้ประกอบการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้มากแค่ไหน เร็วแค่ไหน และมีโมเดลธุรกิจที่ทำกำไรหรือไม่ ด้วยตัวเอง เท่านั้นเองครับ

เลอทัด ศุภดิลก

@lertad

lertad@sellsuki.com

Up next Sellsuki ในปี 2014 ...ก้าวเข้าสู่ปี 2015 Sellsuki ในปี 2014 1.5 ล้าน Page Views รายได้ 6 หลัก จากผู้ใช้ 5,000+ คน อาจไม่ใช่ตัวเลขที่บ่งบอกถึงการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ The Evolution of Thai (E)-commerce วิวัฒนาการพฤติกรรมการซื้อขายของออนไลน์ ปี พศ. 2558 นี้ทุกสถิติกำลังชี้ว่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
Latest posts GDPR คืออะไร และส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ “Fintech” คืออะไร? ตอนที่ 1 - M-Pesa ตัวอย่างความสำเร็จของระบบการเงินดิจิตอล The New Disuptive Technologies: 2018 & Beyond การปรับกลยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งใหม่ของ Facebook Startup Tech Trends 2018 - เมื่อเทรนด์ 2017 จะแพร่หลายในปี 2018 “HQ Trivia” - The Future of TV เกมฮิตใหม่ที่อาจเป็นตัวอย่างของรายการทีวีในอนาคต Facebook Ads vs. Google Ads การต่อสู้ระหว่าง “Search” กับ “Discovery” Just Jack - Annabel’s Dilemma Bitcoin คืออะไร และทำไมมันถึงได้รับความสนใจ วิธีเริ่มต้นแบบเล็กๆของเหล่า Startup Unicorn มูลค่าพันล้าน The Fundamentals of AI - Machine Learning, Neural Network, Deep Learning - พื้นฐานแนวคิดของ “AI” ในยุคปัจจุบัน The WeChat Economy - มองเทรนด์ “Tech Startup” อนาคต จากการใช้ “WeChat” ในประเทศจีน การพลิกโฉม ”วิธีการซื้อ″ ด้วยนวัตกรรมจาก Amazon - How Amazon is Re-inventing How We Buy AliPay - เครื่องมือครองโลกของ Jack Ma ที่คุณอาจคาดไม่ถึง - Jack Ma’s Strategy to Conquer the World ทิศทางการเติบโตของ ”ห้างออนไลน์″ ในประเทศไทย - The Future of Marketplaces in Thailand Digital Transformation : จากการบริโภค Product สู่ Service Fast Growing Silicon Valley Startups 2017 - เทรนด์ Startup จาก Silicon Valley ที่จะมาแรงในปี 2017 การปฏิวัติข่าวสารจากยุค Google สู่ Facebook Status Seekers เมื่อผู้บริโภคต้องการ “สถานะ” มากยิ่งกว่า “การแก้ปัญหา” The Different Types of Conversational Commerce Online to Offline 31 The Future of Apps Pirate Metrics for Startups (AARRR) The Rise of Chat Bots E-commerce Delivery in Thailand Conversational Commerce Solar Energy Startups Facebook Thailand Startup = การเติบโตที่รวดเร็ว (Growth) Startup Investment The Future of Messaging