“ฮอท กรานเด กรีนทีลาเต้ หนึ่งที่คร้าบ” พนักงานหนุ่มที่เคาน์เต้อร้านกาแฟเปล่งเสียงออกมาสั่งเพื่อนร่วมงานทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในร้าน ผมยิ้มตอบรับเขาพร้อมกับควักบัตรเงินสดของร้านกาแฟสาขาประจำที่ผมมานั่งทุกอาทิตย์ยื่นให้
“วันนี้รับพายไก่ร่วมด้วยมั้ยครับ”
ผมส่ายหน้าพร้อมแสยะยิ้มอีกหนึ่งครั้ง วันนี้ผมมีความรู้สึกอยากไปหาร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆทานสักมื้อหนึ่ง ฉลองให้กับห้าวันอันหนักหน่วงในกรทำรายงานและเตรียมพรีเซ้นท์โปรเจกต์ให้กับอาจารย์ อาทิตย์ที่ผ่านมาผมนอนวันละสองชั่วโมงมาตั้งแต่วันจันทร์ เมื่อวานผมจึงขอตัวเพื่อนๆในกลุ่มกลับบ้านแทนที่จะไปเที่ยวกันต่อกับพวกเขาเนื่องจากเช้าวันเสาร์เป็นช่วงเวลาพิเศษของผม
“ไอ้นี่เอาอีกละ กูว่ามันมีนัดกับสาวแน่ๆ วันเสาร์ไม่เคยว่าง วันศุกร์ก็รีบกลับทุกที แอบมีเด็กไม่ยอมบอกนะมึง”
เพื่อนผมมักจะกึ่งด่ากึ่งแซว จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะปิดหรอก แต่ผมคิดว่าสำหรับตอนนี้น่าจะดีกว่าสำหรับเราทั้งสองคนที่จะยังปิดไว้เป็นความลับอยู่ เพราะผมคิดว่าเอิร์นก็คงจะไม่อยากที่จะรีบเร่งอะไรเหมือนกัน
. . .เอิร์น. . .
แค่เพียงนึกชื่อของเธอก็ทำให้ผมยิ้มได้ ช่วงหลังๆนี้ผมมักจะยุ่งเกี่ยวกับงานที่มหาลัยในช่วงวันธรรมดาจึงทำให้โอกาสที่จะได้พบกับเอิร์นนั้นน้อยลงไปทุกที แต่มันก็ทำให้ช่วงเวลาที่ผมได้เจอเธอในช่วงวันหยุดแบบนี้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
“ฮอท กรานเด กรีนทีลาเต้ ได้แล้วครับ”
ผมเดินไปยังเคาน์เต้อร์รับกาแฟและหยิบแก้วกาแฟขนาดกลางพร้อมกับมองหาที่นั่ง โชคดีที่วันนี้มุมโปรดริมกระจกของผมยังไม่มีใครนั่งเพราะมุมนี้จะสามารถมอง เห็นคนเข้าออกจากคอนโดได้สะดวกยิ่งขึ้น ผมนั่งลงจิบกาแฟ รอเวลาที่เธอจะเดินออกมา
ผมเจอเอิร์นครั้งแรกเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว วันนั้นเป็นวันจันทร์ซึ่งผมมีเรียนติดต่อกันทั้งเช้าและบ่าย ผมกับเพื่อนๆจึงไปหาข้าวกลางวันกินกันที่โรงอาหารข้างๆคณะ ในขณะที่ผมรอสั่งอาหาร ผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักศึกษากำลังแหงนมองป้ายรายการอาหาร มือหนึ่งถือกระเป๋าสตางค์ อีกมือหนึ่งเอานิ้วชี้มาแตะไว้ที่ใต้ริมฝีปากในขณะที่เธอกำลังมองเลือกรายการอาหาร ผมเธอตรงและอ่อนสลวย สีดำยาวประบ่า ดวงตากลมและเหมือนมีประกาย
ตอนนั้นผมจ้องมองเธออยู่อย่างนั้นจนเธอคงจะสังเกต แต่ในขณะที่เธอเหมือนจะกำลังจะเหลือบตามามอง ก็มีเสียงเพื่อนของเธอเรียกขึ้นมา “เอิร์นๆ”
นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้เห็นและรู้จักชื่อของเธอ เย็นวันนั้นผมนั่งรถเมลล์มาลงที่หน้าคอนโดผมตามปกติ ด้วยความหิวผมจึงคิดจะไปหาซื้อลูกชิ้นปิ้งแถวริมถนนแต่ก็ลืมคิดไปว่าวันจันทร์ร้านริมถนนจะงดขาย
เอาวะ หิวขนาดนี้ยอมเปลืองตังหน่อยก็ได้
คิดได้ดังนี้ผมจึงแวะเข้าไปยังร้านกาแฟหน้าคอนโดที่ปกติแล้วผมจะไม่ได้เข้าไปบ่อยนัก ในหัวของผมยังจำใบหน้าและชื่อของเธอได้ จริงๆในใจผมกำลังคิดอยู่ว่าจะลองโทรศัพท์ไล่ถามเพื่อนคณะอื่นดู หรือเข้าไปเซิร์ชในอินเตอร์เน็ทว่าเธออยู่ปีอะไร เรียนคณะอะไร มันจึงเป็นเหมือนปาฏิหารย์เมื่อผมเข้าไปในร้านและพบว่าเธอคนนั้น ผู้มีผมยาวสลวบและดวงตากลมเป็นประกาย กำลังยืนงมหาสิ่งของในกระเป๋าสะพายเธออยู่ ตอนนั้นผมได้แต่ต่อคิวหลังจากเธอโดยที่ไม่ได้กล้าที่จะพูดอะไร
“อุ๊ย!”
ต๊อก! แต่ก. . แต่ก แต่ก แต่ก แต่กกก. .
สิ่งของมากมายตกลงบนพื้น ผมเห็นเธอทำท่าตกใจ ในขณะที่มือหนึ่งถือกระเป๋า และอีกมือถือกระเป๋าสตางค์ใบเดิมจากเมื่อตอนกลางวัน ผมมองลงไปเห็นอุปกรณ์แต่งหน้าสองสามชนิดตกอยู่ ทั้งลิปมัน กระจก หรือที่หนีบอะไรสักอย่างที่ตอนหลังผมได้รู้มาว่าเอาไว้ใช้ดัดขนตา ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ผมรีบก้มลงไปเก็บสิ่งของเหล่านั้นขึ้นมาก่อนที่เธอจะไหวตัวทัน
ผมยื่นของที่เธอทำตกไปให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้คุยกับเธอ
ผมนั่งดื่มกาแฟจนหยดสุดท้ายและมองไปยังหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ความรู้สึกกระวนกระวายเริ่มสิงเข้ามาในตัวผม ทำไมวันนี้เธอช้ากว่าปกติ? ทำไมปล่อยให้ผมรออยู่อย่างนี้? หรือว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า?
ผมนั่งคิดอยู่พักหนึ่งจึงพยายามสงบสติอารมณ์ ผมตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูรูปเธอที่อยู่ในกล้องโทรศัพท์
รูปที่ผมชอบมากที่สุดน่าจะเป็นรูปที่เธออ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด เป็นรูปถ่ายจากด้านข้าง เธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ สายตาเธอจึงคมมากกว่าปกติด้วยความที่ใช้มันเพ่งสมาธิไปยังตัวหนังสือ ทำให้ดวงตากลมของเธอมีความชัดขึ้นมามากขึ้น มือข้างขวาของเธอถือปากกาไฮไลท์สีเหลือง ส่วนด้านซ้ายกำลังยกขึ้นมารวบผมที่ตกมาจากไหล่ของเธอ
อีกรูปหนึ่งเป็นรูปที่ร้านน้ำ เธอหันไปหัวเราะกับเพื่อนพอดี เวลาเธอยิ้มดวงตาของเธอจะยิ้มไปด้วย ภาพนี้จึงออกมาเป็นธรรมชาติและสร้างรอยยิ้มคืนให้กับผมได้เสมอเช่นกัน
ถ้าจำไม่ผิดทั้งสองรูปจะถ่ายในช่วงเดียวกัน เป็นช่วงที่มีสอบ ซึ่งถึงแม้ผมจะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่ข้อดีของมันก็คือทำให้ผมได้เจอเธอได้มากขึ้นเพราะต้องไปนั่งสถิตอยู่ที่ห้องสมุด
ผมกดดูรูปได้สักพักก็มองที่นาฬิกาอีกที เวลาผ่านไปรวมเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะผิดเวลาแบบนี้เลย ความโกรธผสมปนเปกับความเป็นห่วง ผมควรจะโทรหาเธอดีมั้ย? ผมไม่แน่ใจว่าถ้าผมโทรไปหาแล้วเธอจะว่าอย่างไร เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เวลารีบก็ไม่ได้ชอบให้คนโทรตาม เพราะมันมีแต่จะทำให้ช้าลง จะว่าไปแล้วผมก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ถามเธอในเรื่องแบบนี้ เมื่อคิดได้ผมจึงจดไว้ด้วยสมองเอาไว้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะถามเธอเพื่อให้ผมเข้าใจเธอได้มากขึ้น
ในขณะที่ผมคิดเช่นนั้นเอง ผมก็เหลือบตาขึ้นมามองไปเห็นเธอเดินออกมาพอดี วันนี้เธอใส่เสื้อโปโลสีฟ้า กางเกงเทนนิสและรองเท้าเทนนิสสีขาว ใส่ที่คาดผมสีแดง สะพายกระเป๋าที่คงจะบรรจุเสื้อผ้าไว้พร้อมที่จะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสตรงข้ามคอนโดนของพวกเรา
ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับหยิบมือถอืและเดินออกไปจากร้านเพื่อไปยืนรอที่หน้าร้าน
เธอเดินเข้ามาหาผม แม้จะเป็นชุดออกกำลังกายแต่ก็ดูเหมาะกับเธอจริงๆ ผมไม่เคยเห็นเสื้อตัวนี้มาก่อน แต่เสื้อสีฟ้าก็ตัดกับผิวสีขาวนวลของเธออย่างดี และทรงเสื้อก็เป็นลักษณะที่เข้ารูปแบบพอดีตัว ให้เห็นรูปร่างโดยไม่ได้น่าเกลียด แม้ผมจะรู้จักเธอมาเกือบปีแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสวยของเธอและความโชคดีของผมที่ได้พบเธอในวันนั้น
เธอเดินใกล้เข้ามา
และเธอก็เดินผ่านผมไป
ดูเหมือนเธอจะไม่เห็นผม และเธอก็หันเพื่อที่จะเดินขึ้นไปบนสะพานลอย เห็นดังนั้นผมจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา. . .
*แชะ*
ผมใช้นิ้วโป้งกดไปยังปุ่มถ่ายรูปที่โทรศัพท์ของผม โชคดีจริงๆ วันนี้ถ่ายรูปได้ชัด เห็นเธอตั้งตัว และยังเป็นเสื้อตัวใหม่ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย
ผมหันหลังและเดินย้อนกลับไปยังคอนโดของผม อีกไม่กี่อาทิตย์ก็คงจะเริ่มอ่านหนังสือกันอีกแล้ว คงได้เวลาที่ผมจะกลับไปย้ายรูปลงเครื่องคอมพิวเตอร์บ้างเสียที เดี๋ยวจะไม่มีพื้นที่เหลือในเครื่องให้ถ่ายรูปใหม่ๆอีก ใครจะไปรู้ คราวนี้เอิร์นอาจจะมีเครื่องแต่งกายอะไรใหม่ๆหรืออาจจะเปลี่ยนทรงผมไปเลยก็ได้
คิดได้ดังนั้นผมก็เร่งฝีเท้าขึ้นอีกจังหวะหนึ่ง แม้หลังๆจะไม่ค่อยได้เจอ แต่ช่วงเวลาของการรอคอยมันก็มีความสุขไปอีกแบบเหมือนกัน